ตลาดหุ้นลอนดอนปิดลบในวันพุธ (19 พ.ย.) เป็นวันที่ 5 ติดต่อกัน โดยหุ้นกลุ่มป้องกันประเทศและการเงินนำตลาดปรับตัวลง ขณะที่ข้อมูลเงินเฟ้อช่วยหนุนความคาดหวังเกี่ยวกับการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนธ.ค.
ทั้งนี้ ดัชนี FTSE 100 ปิดตลาดที่ระดับ 9,507.41 จุด ลดลง 44.89 จุด หรือ -0.47%
หุ้นกลุ่มการบินและป้องกันประเทศร่วงลง 2% แตะระดับต่ำสุดในรอบกว่า 2 เดือน โดยการปรับตัวลงของหุ้นกลุ่มนี้เกิดขึ้นหลังมีสัญญาณความพยายามครั้งใหม่ของสหรัฐฯ ในการผลักดันให้มีการยุติสงครามรัสเซียยูเครน ซึ่งกดดันหุ้นป้องกันประเทศทั่วยุโรป
หุ้น BAE Systems ร่วงลง 4.5% ขณะที่หุ้น Rolls-Royce และ Babcock International ลดลง 0.6% และ 3.4% ตามลำดับ
แม้ร่วงลงในวันพุธ แต่หุ้นกลุ่มนี้ยังคงปรับตัวขึ้น 70% นับตั้งแต่ต้นปี จากแรงหนุนของการเพิ่มงบประมาณทหารของรัฐบาลสหราชอาณาจักรในปีนี้
ด้านเศรษฐกิจนั้น อัตราเงินเฟ้อของสหราชอาณาจักรในเดือนต.ค. ชะลอตัวลงเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนพ.ค. ซึ่งช่วยคลายแรงกดดันให้รัฐบาลอังกฤษก่อนการแถลงงบประมาณประจำปีในสัปดาห์หน้า และเพิ่มความเป็นไปได้ที่ธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) จะปรับลดดอกเบี้ยลงในเดือนธ.ค.
ข้อมูลจากตลาดสวอปบ่งชี้ว่า บรรดาเทรดเดอร์คาดว่า มีความเป็นไปได้ราว 86% ที่ BoE จะปรับลดดอกเบี้ยลง 0.25% ในเดือนหน้า
หุ้นกลุ่มธนาคารลดลง 0.7% และเป็นการอ่อนตัวลงติดต่อกันเป็นวันที่ห้า
ในทางกลับกัน หุ้นกลุ่มเหมืองแร่โลหะมีค่าพุ่งขึ้น 3% ตามราคาทองคำที่ปรับขึ้นกว่า 1%
สำหรับความเคลื่อนไหวของหุ้นรายตัวอื่น ๆ นั้น หุ้น WH Smith พุ่งขึ้น 7.2% หลังผู้ค้าปลีกด้านการท่องเที่ยวรายนี้ระบุว่า คาร์ล เคาลิง ลาออกจากตำแหน่งซีอีโอ ภายหลังผลสอบอิสระพบความล้มเหลวด้านบัญชีในธุรกิจสาขาสหรัฐฯ
หุ้น Sage เพิ่มขึ้น 1.2% หลังบริษัทซอฟต์แวร์รายงานกำไรจากการดำเนินงานประจำปีสูงกว่าคาด