ตลาดหุ้นเอเชียปิดภาคเช้าปรับตัวขึ้นเป็นส่วนใหญ่ในวันนี้ (27 พ.ย.) โดยได้แรงหนุนจากการที่นักลงทุนมีความเชื่อมั่นมากขึ้นว่า ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนธ.ค.
ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดภาคเช้าที่ระดับ 50,203.38 จุด เพิ่มขึ้น 644.31 จุด หรือ +1.30%, ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงปิดภาคเช้าที่ระดับ 26,014.98 จุด เพิ่มขึ้น 86.90 จุด หรือ +0.34% และดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนปิดภาคเช้าที่ระดับ 3,883.01 จุด เพิ่มขึ้น 18.83 จุด หรือ +0.50%
ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ปรับตัวขึ้น 0.53% ส่วนดัชนี S&P/ASX 200 ตลาดหุ้นออสเตรเลียลดลง 0.1%
นักลงทุนมีความเชื่อมั่นมากขึ้นว่า เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนธ.ค. โดยล่าสุด FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนักมากถึง 85% ในการคาดการณ์ว่า เฟดจะปรับลดดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมครั้งนี้
ธนาคารกลางเกาหลีใต้ (BOK) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 2.50% ในการประชุมวันนี้ ซึ่งเป็นการคงดอกเบี้ยติดต่อกันครั้งที่ 4 เพื่อรักษาเสถียรภาพทางการเงินท่ามกลางความกังวลต่อแนวโน้มเศรษฐกิจโดยรวม ซึ่งรวมถึงภาวะซบเซาของตลาดอสังหาริมทรัพย์อย่างต่อเนื่อง และความผันผวนของค่าเงิน
ด้านสำนักงานสถิติแห่งชาติจีนรายงานในวันว่า กำไรของบริษัทในภาคอุตสาหกรรมจีน ลดลง 5.5% ในเดือนต.ค. เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งเป็นการปรับตัวลงมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนมิ.ย. เนื่องจากกลุ่มผู้ผลิตต้องรับมือกับความไม่แน่นอนเกี่ยวกับความสัมพันธ์ทางการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐฯ รวมทั้งการที่รัฐบาลจีนได้ออกมาตรการควบคุมกำลังการผลิตส่วนเกิน
ส่วนในช่วง 10 เดือนแรกของปีนี้ (ม.ค.-ต.ค.) กำไรของบริษัทในภาคอุตสาหกรรมจีนปรับตัวขึ้น 1.9% เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งย่ำแย่กว่าในช่วง 9 เดือนแรกของปี (ม.ค.-ก.ย.) ที่ปรับตัวขึ้น 3.2%