ดาวโจนส์/S&P 500/Nasdaq จับมือร่วงตามหุ้นกลุ่มเทคฯ,บิตคอยน์

ข่าวต่างประเทศ Monday December 1, 2025 22:35 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ดิ่งลงกว่า 200 จุด ขณะที่ดัชนี S&P 500 และ Nasdaq ต่างปรับตัวลงในวันนี้ ตามการร่วงลงของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและบิตคอยน์

ณ เวลา 22.18 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ลบ 231.56 จุด หรือ 0.49% สู่ระดับ 47,484.86 จุด ส่วนดัชนี S&P 500 และ Nasdaq ลบ 0.46% และ 0.55% ตามลำดับ

หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีต่างปรับตัวลงในวันนี้ โดยหุ้น Broadcom และ Super Micro Computer ดิ่งลงมากกว่า 3% และ 2% ตามลำดับ

นอกจากนี้ บิตคอยน์ทรุดตัวลงกว่า 6% หลุดระดับ 86,000 ดอลลาร์ โดยปรับตัวลงตามหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับภาวะฟองสบู่ในธุรกิจปัญญาประดิษฐ์ (AI) โดยนักลงทุนมองว่า หุ้นกลุ่ม AI และบิตคอยน์อยู่ในกลุ่มการลงทุนประเภทเดียวกัน หรือการลงทุนในสินทรัพย์นวัตกรรม (innovation trade) ซึ่งเมื่อมูลค่าหุ้นและคริปโทเคอร์เรนซีเริ่มดูแพงเกินไป นักลงทุนจึงเริ่มเทขายทำกำไรทั้งในหุ้นเทคโนโลยีและบิตคอยน์ หลังจากราคาพุ่งขึ้นอย่างมากในช่วงต้นปี

ปรากฏการณ์ "ซานต้า แรลลี่" มักผลักดันให้ตลาดหุ้นวอลล์สตรีทพุ่งขึ้นในเดือนธันวาคม โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลคริสต์มาสไปจนถึงช่วงหลังปีใหม่ โดยซานต้า แรลลี่จะเกิดขึ้นเป็นเวลา 7 วันทำการ โดยเกิดขึ้นในช่วง 5 วันทำการสุดท้ายของปีปัจจุบัน รวมถึง 2 วันแรกของปีใหม่

อย่างไรก็ดี นักวิเคราะห์กล่าวว่า ซานต้าอาจจะไม่เดินทางมายังตลาดหุ้นวอลล์สตรีทในปีนี้

'ดิฉันไม่รู้ว่าเราจะได้เห็น "ซานต้า แรลลี่" หรือไม่ แต่ที่เราจะได้เห็นอาจจะเป็นหลุมแห่งความผันผวนอีกครั้ง หรือการพุ่งขึ้นของความผันผวน'

'ไม่มีเดือนไหนในปีนี้ที่ตลาดหุ้นปรับตัวเหมือนอย่างที่เคยเป็นในอดีต' เอมี่ วู ซิลเวอร์แมน หัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์ตราสารอนุพันธ์ที่ RBC Capital Markets กล่าว และเสริมว่า มีแนวโน้มเชิงลบมากขึ้นในตลาดออปชั่น เนื่องจากนักลงทุนซื้อการป้องกันความเสี่ยงช่วงขาลง แทนที่จะพึ่งพาความแข็งแกร่งตามฤดูกาลของหุ้น

มีหลายเหตุผลที่ทำให้ปีนี้ไม่ใช่ปีที่ปกติสำหรับตลาดหุ้น ได้แก่ การที่ DeepSeek ฉุดตลาดในเดือนกุมภาพันธ์, การประกาศภาษีศุลกากรของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ในเดือนเมษายน และความวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะฟองสบู่ของธุรกิจปัญญาประดิษฐ์ (AI) ซึ่งสร้างความปั่นป่วนในตลาด และอาจทำให้ตลาดเกิดความผันผวนในเดือนธันวาคมนี้

โอมาร์ อากีลาร์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการลงทุนของ Schwab Asset Management มองเห็นความเสี่ยงคล้าย ๆ กันที่อาจเกิดขึ้น

'เรามองเห็นความแตกต่างและความเบี่ยงเบนหลายอย่าง' อากีลาร์กล่าว โดยระบุถึงความไม่ต่อเนื่องของการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจมหภาคหลังมีการปิดหน่วยงานรัฐบาล หรือชัตดาวน์ รวมทั้งการมีสัญญาณการหมุนเวียนของหุ้นที่เป็นผู้นำในหลายภาคธุรกิจ

'โอกาสที่จะมีตัวเร่งให้ตลาดขับเคลื่อนมากขึ้นดูเหมือนจะไม่มากนักในครั้งนี้' อากีลาร์กล่าว

และแม้ว่าการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจช่วยเพิ่มความเชื่อมั่นในตลาด แต่อากีลาร์กล่าวว่า สิ่งนี้ยังคงไม่แน่นอน

'บางทีการลดอัตราดอกเบี้ยของเฟดอาจช่วยขับเคลื่อนตลาด แต่ก็ยังไม่ชัดเจนว่าสิ่งนี้จะเกิดขึ้นในเดือนธันวาคม' อากีลาร์กล่าว

นายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด มีกำหนดกล่าวสุนทรพจน์ในงานเสวนาว่าด้วยผลงานและนโยบายเศรษฐกิจของนายจอร์จ ชูลท์ซ อดีตรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐ ในสมัยของอดีตประธานาธิบดีโรนัลด์ เรแกน

ทั้งนี้ นายพาวเวลจะกล่าวสุนทรพจน์ในวันนี้ (1 ธ.ค.) เวลา 20.00 น.ตามเวลาสหรัฐ หรือตรงกับเช้าพรุ่งนี้ (2 ธ.ค.) เวลา 08.00 น.ตามเวลาไทย

ตลาดจับตาถ้อยแถลงของนายพาวเวล เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ทิศทางนโยบายการเงินและอัตราดอกเบี้ยของเฟด

อย่างไรก็ดี คาดว่านายพาวเวลจะหลีกเลี่ยงการกล่าวถึงนโยบายการเงินและอัตราดอกเบี้ยของเฟดในงานเสวนาครั้งนี้ เนื่องจากขณะนี้ เฟดได้เข้าสู่ช่วงงดเว้นการแสดงความเห็นเกี่ยวกับนโยบายการเงิน (Blackout Period) ก่อนที่เฟดจะจัดการประชุมกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ในวันที่ 9-10 ธ.ค.

กฎระเบียบของเฟดได้ระบุห้ามเจ้าหน้าที่เฟดแสดงความเห็นหรือให้สัมภาษณ์ในช่วง Blackout Period เกี่ยวกับนโยบายการเงิน โดยเริ่มตั้งแต่วันเสาร์ที่สองก่อนที่การประชุม FOMC จะเริ่มขึ้น และสิ้นสุดในวันพฤหัสบดีหลังการประชุม FOMC เพื่อป้องกันไม่ให้สาธารณชนตีความว่าเป็นการบ่งชี้การดำเนินการด้านอัตราดอกเบี้ยของเฟดในการประชุมนโยบายการเงินที่จะมาถึง

ตลาดจับตาการประชุมเฟดในวันที่ 9-10 ธ.ค. ซึ่งจะเป็นการประชุมครั้งสุดท้ายของเฟดในปีนี้ โดยมีการคาดการณ์ว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งที่ 3 ติดต่อกันในการประชุมรอบนี้

ล่าสุด FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 87.6% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 3.50-3.75% ในการประชุมวันที่ 10 ธ.ค. และให้น้ำหนัก 12.4% ที่เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 3.75-4.00%


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ