ตลาดหุ้นเอเชียปิดภาคเช้าปรับตัวขึ้นในวันนี้ (2 ธ.ค.) โดยบริษัทผลิตรถยนต์เกาหลีใต้ดีดตัวขึ้น หลังจากสหรัฐฯ ยืนยันว่าได้ปรับลดภาษีนำเข้ารถยนต์จากเกาหลีใต้ลงเหลือ 15%
ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดภาคเช้าที่ระดับ 49,499.06 จุด เพิ่มขึ้น 195.78 จุด หรือ +0.40%, ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงปิดภาคเช้าที่ระดับ 26,061.75 จุด เพิ่มขึ้น 28.49 จุด หรือ +0.11% และดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนปิดภาคเช้าที่ระดับ 3,892.55 จุด ลดลง 21.46 จุด -0.55%
ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้พุ่งขึ้น 1.81% ส่วนดัชนี S&P/ASX 200 ตลาดหุ้นออสเตรเลียปรับตัวขึ้น 0.18%
หุ้นกลุ่มบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ของเกาหลีใต้ ซึ่งรวมถึงหุ้น Hyundai Motor พุ่งขึ้นเกือบ 5% และหุ้น Kia Corp ดีดตัวขึ้น 3% หลังจากที่โฮเวิร์ด ลุตนิก รัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์ของสหรัฐฯ ยืนยันว่า สหรัฐฯ ได้ปรับลดภาษีนำเข้ารถยนต์จากเกาหลีใต้ลงเหลือ 15% จากเดิม 25% โดยมีผลบังคับใช้ย้อนหลังตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย. ภายใต้ข้อตกลงการค้าและการลงทุนทวิภาคี
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจในช่วงเช้าวันนี้ กระทรวงข้อมูลและสถิติของเกาหลีใต้เปิดเผยในวันนี้ ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้บริโภค ปรับตัวขึ้น 2.4% ในเดือนพ.ย. ซึ่งสูงกว่าเป้าหมายเงินเฟ้อที่ระดับ 2% ของธนาคารกลางเกาหลีใต้ (BOK) ติดต่อกันเดือนที่ 3 โดยส่วนใหญ่เป็นผลมาจากราคาสินค้าเกษตรและปิโตรเลียมที่พุ่งขึ้นอย่างมาก ท่ามกลางการอ่อนค่าของเงินวอน
ข้อมูลเงินเฟ้อล่าสุดทำให้ตลาดคาดการณ์ว่า BOK อาจจะตรึงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับเดิม
ขณะเดียวกัน นักลงทุนจับตาการเปิดเผยดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ประจำเดือนก.ย.ของสหรัฐฯ ในวันศุกร์นี้ (5 ธ.ค.) ก่อนที่การประชุมนโยบายการเงินของเฟดจะมีขึ้นในวันที่ 9-10 ธ.ค. โดยดัชนี PCE เป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่เฟดให้ความสำคัญ เนื่องจากสามารถตรวจจับการเปลี่ยนแปลงในพฤติกรรมของผู้บริโภค และครอบคลุมราคาสินค้าและบริการในวงกว้างมากกว่าดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI)
เครื่องมือ FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 85.4% ในการคาดการณ์ว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีก 0.25% ในการประชุมครั้งนี้ ซึ่งจะเป็นการปรับลดดอกเบี้ยครั้งที่ 3 ติดต่อกัน