ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์แทบไม่ขยับในวันนี้ ขณะที่นักลงทุนจับตาทิศทางอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)
ณ เวลา 20.59 น.ตามเวลาไทย ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์ลบ 1 จุด สู่ระดับ 48,106 จุด
นักวิเคราะห์ระบุว่า เฟดมีแนวโน้มที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปี 2569 มากกว่าที่ระบุไว้ในรายงานคาดการณ์อัตราดอกเบี้ยนโยบาย (Dot Plot) ในการประชุมวานนี้ (10 ธ.ค.) เนื่องจากเฟดได้รับข้อมูลเศรษฐกิจที่จำกัด อันเนื่องจากการปิดหน่วยงานรัฐบาล หรือชัตดาวน์
นอกจากนี้ การที่นายเจอโรม พาวเวล จะครบวาระการดำรงตำแหน่งประธานเฟดในเดือนพ.ค.2569 ขณะที่มีการคาดการณ์กันว่านายเควิน แฮสเซตต์ ผู้อำนวยการสภาเศรษฐกิจแห่งชาติประจำทำเนียบขาว และเป็นที่ปรึกษาของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ จะได้รับเลือกให้เป็นประธานเฟดคนใหม่ อาจมีผลต่อทิศทางการดำเนินนโยบายการเงินของเฟดในช่วงครึ่งหลังของปี 2569 เนื่องจากนายแฮสเซตต์เป็นผู้ที่สนับสนุนการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเชิงรุก
'แนวทางชี้นำของเฟดอาจบอกเราได้น้อยกว่าปกติเกี่ยวกับแนวโน้มอัตราดอกเบี้ย ด้วย 2 เหตุผลสำคัญ'
'ประการแรก เฟดรับรู้ข้อมูลเกี่ยวกับสภาพเศรษฐกิจปัจจุบันน้อยกว่าปกติ เพราะการปิดหน่วยงานของรัฐบาลทำให้เกิดความล่าช้าต่อการเผยแพร่ข้อมูลทางเศรษฐกิจ'
'ประการที่สอง แนวทางชี้นำของเฟดไม่ได้สะท้อนว่าการดำเนินนโยบายการเงินจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไรหลังวาระการดำรงตำแหน่งของนายพาวเวลสิ้นสุดลงในเดือนพฤษภาคม 2569'
'ปี 2569 จึงมีความเป็นไปได้อย่างมากที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยมากกว่าที่ระบุไว้ใน Dot Plot ของเดือนธันวาคม แทนที่จะปรับลดน้อยกว่า' นายบิล อดัมส์ หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของ Comerica Bank กล่าว
ขณะเดียวกัน นักลงทุนคาดการณ์ว่า เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 2 ครั้งในปี 2569 แม้รายงาน Dot Plot ของเจ้าหน้าที่เฟดส่งสัญญาณปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพียง 1 ครั้ง
ล่าสุด FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนคาดการณ์ว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมเดือนเม.ย.และก.ย.ในปีหน้า ซึ่งจะทำให้อัตราดอกเบี้ยของเฟดอยู่ที่ระดับ 3.00-3.25% ในช่วงสิ้นปี 2569
ทั้งนี้ คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของเฟด (FOMC) มีมติ 9-3 ในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น 0.25% สู่ระดับ 3.50-3.75% ในการประชุมวานนี้ (10 ธ.ค.) ตามการคาดการณ์ของตลาด
เฟดปรับลดอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งที่ 3 ของปีนี้ และเป็นครั้งที่ 3 ติดต่อกัน หลังการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนก.ย.และต.ค.
สมาชิก FOMC จำนวน 9 รายลงมติปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในครั้งนี้ ขณะที่ 3 รายโหวตสวนมติดังกล่าว ซึ่งเป็นจำนวนสมาชิก FOMC มากที่สุดที่โหวตสวนมติที่ประชุมนับตั้งแต่เดือนก.ย.2562 โดยนายสตีเฟน มิแรน ลงมติให้เฟดปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.50% ในการประชุมครั้งนี้ ส่วนนายเจฟฟรีย์ ชมิด ประธานเฟด สาขาแคนซัส ซิตี และนายออสแตน กูลสบี ประธานเฟด สาขาชิคาโก ลงมติให้เฟดคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 3.75-4.00%
ในการคาดการณ์อัตราดอกเบี้ยนโยบาย (Dot Plot) เจ้าหน้าที่เฟดส่งสัญญาณปรับลดอัตราดอกเบี้ย 1 ครั้ง ๆ ละ 0.25% ในปี 2569 และลดอัตราดอกเบี้ยอีก 1 ครั้ง ๆ ละ 0.25% ในปี 2570 ก่อนที่อัตราดอกเบี้ยนโยบายของเฟดแตะเป้าหมายระยะยาวที่ระดับ 3% โดยการส่งสัญญาณปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพียง 1 ครั้งในปี 2569 และ 2570 ไม่แตกต่างจากการส่งสัญญาณในการประชุมเดือนก.ย.
นอกจากนี้ เฟดประกาศกลับมาซื้อพันธบัตร โดยเริ่มต้นด้วยวงเงิน 4 หมื่นล้านดอลลาร์ในวันศุกร์นี้
ส่วนการคาดการณ์เกี่ยวกับเศรษฐกิจสหรัฐนั้น เฟดได้ปรับเพิ่มคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐในปี 2568-2571 โดยเฟดคาดการณ์การขยายตัวทางเศรษฐกิจในปี 2568, 2569, 2570 และ 2571 อยู่ที่ระดับ 1.7%, 2.3%, 2.0% และ 1.9% ตามลำดับ จากเดิมคาดการณ์ในเดือนก.ย.ว่าจะมีการขยายตัว 1.6%, 1.8%, 1.9% และ 1.8% ตามลำดับ ขณะที่อัตราการขยายตัวในระยะยาวยังคงอยู่ที่ระดับ 1.8%
นอกจากนี้ เฟดคาดการณ์อัตราว่างงานในปี 2568, 2569, 2570 และ 2571 อยู่ที่ระดับ 4.5%, 4.4%, 4.2% และ 4.2% ตามลำดับ จากเดิมคาดการณ์ในเดือนก.ย.ว่าจะอยู่ที่ระดับ 4.5%, 4.4%, 4.3% และ 4.2% ตามลำดับ ขณะที่อัตราการว่างงานระยะยาวยังคงอยู่ที่ระดับ 4.2%
ขณะเดียวกัน เฟดคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อตามดัชนี PCE พื้นฐาน (Core PCE) ในปี 2568, 2569, 2570 และ 2571 อยู่ที่ระดับ 3.0%, 2.5%, 2.1% และ 2.0% ตามลำดับ จากเดิมคาดการณ์ในเดือนก.ย.ว่าจะอยู่ที่ระดับ 3.1%, 2.6%, 2.1% และ 2.0% ตามลำดับ