ดัชนีดาวโจนส์ดีดตัวขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ครั้งใหม่ ขณะที่ดัชนี S&P 500 และ Nasdaq ต่างปรับตัวลง ขณะที่นักลงทุนพากันเทขายหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี
ณ เวลา 21.37 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ บวก 68.13 จุด หรือ 0.14% สู่ระดับ 48,772.14 จุด ส่วนดัชนี S&P 500 และ Nasdaq ลบ 0.02% และ 0.17% ตามลำดับ
ดัชนีดาวโจนส์ปิดตลาดวานนี้พุ่งขึ้นกว่า 600 จุด แตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ขานรับการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)
นอกจากนี้ ดัชนีดาวโจนส์พุ่งขึ้น 1.6% นับตั้งแต่ต้นสัปดาห์ ขณะที่ดัชนี S&P 500 ดีดตัว 0.45% และดัชนี Nasdaq บวก 0.1%
คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของเฟด (FOMC) มีมติ 9-3 ในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น 0.25% สู่ระดับ 3.50-3.75% ในการประชุมวันที่ 10 ธ.ค. ตามการคาดการณ์ของตลาด
เฟดปรับลดอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งที่ 3 ของปีนี้ และเป็นครั้งที่ 3 ติดต่อกัน หลังการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนก.ย.และต.ค.
ในการคาดการณ์อัตราดอกเบี้ยนโยบาย (Dot Plot) เจ้าหน้าที่เฟดส่งสัญญาณปรับลดอัตราดอกเบี้ย 1 ครั้ง ๆ ละ 0.25% ในปี 2569 และลดอัตราดอกเบี้ยอีก 1 ครั้ง ๆ ละ 0.25% ในปี 2570 ก่อนที่อัตราดอกเบี้ยนโยบายของเฟดแตะเป้าหมายระยะยาวที่ระดับ 3% โดยการส่งสัญญาณปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพียง 1 ครั้งในปี 2569 และ 2570 ไม่แตกต่างจากการส่งสัญญาณในการประชุมเดือนก.ย.