ตลาดหุ้นเอเชียปิดภาคเช้าปรับตัวลงในวันนี้ (15 ธ.ค.) หลังจากจีนเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่น่าผิดหวัง ซึ่งรวมถึงยอดค้าปลีกและการผลิตภาคอุตสาหกรรมที่ขยายตัวต่ำกว่าคาดในเดือนพ.ย.
ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงปิดภาคเช้าที่ระดับ 25,736.53 จุด ลดลง 240.26 จุด หรือ -0.92% ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดภาคเช้าที่ระดับ 50,092.10 จุด ร่วงลง 744.45 จุด หรือ -1.46% และดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนปิดภาคเช้าที่ระดับ 3,884.93 จุด ลดลง 4.41 จุด หรือ -0.11%
ดัชนี S&P/ASX 200 ตลาดหุ้นออสเตรเลียปรับตัวลง 0.70% และดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ร่วงลง 1.53%
สำนักงานสถิติแห่งชาติจีน (NBS) รายงานว่า ยอดค้าปลีกปรับตัวขึ้นเพียง 1.3% ในเดือนพ.ย. เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้น 2.8% และชะลอตัวลงจากเดือนต.ค.ที่พุ่งขึ้น 2.9%
ขณะที่การผลิตภาคอุตสาหกรรมปรับตัวขึ้น 4.8% ในเดือนพ.ย. เมื่อเทียบเป็นรายปี ชะลอตัวลงเล็กน้อยจากเดือนต.ค.ที่เพิ่มขึ้น 4.9% และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้น 5%
ส่วนการลงทุนในสินทรัพย์ถาวรช่วงเดือนม.ค.-พ.ย. ลดลง 2.6% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว ซึ่งย่ำแย่กว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะลดลง 2.3% และย่ำแย่กว่าในช่วงเดือนม.ค.-ต.ค. ที่ลดลงเพียง 1.7% นอกจากนี้ การลงทุนในสินทรัพย์ถาวรช่วงเดือนม.ค.-พ.ย. ยังปรับตัวลงรุนแรงที่สุดนับตั้งแต่เกิดการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 เมื่อปี 2563
ด้านธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) เปิดเผยในวันนี้ว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของกลุ่มผู้ผลิตรายใหญ่ (ทังกัน) ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 15 ในไตรมาส 4/2568 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 4 ปี จากระดับ 14 ในไตรมาส 3 โดยข้อมูลดังกล่าวทำให้ตลาดคาดการณ์ว่าธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมสัปดาห์นี้