ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์พุ่งขึ้นกว่า 200 จุด จ่อทะลุระดับ 50,000 จุด ขณะที่ดัชนี Nasdaq ฟิวเจอร์ และ S&P 500 ฟิวเจอร์ปรับตัวขึ้นตามกัน ส่งสัญญาณการดีดตัวขึ้นของตลาดหุ้นวอลล์สตรีทคืนนี้
ณ เวลา 18.25 น.ตามเวลาไทย ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์บวก 239 จุด หรือ 0.49% สู่ระดับ 49,099 จุด ขณะที่ดัชนี Nasdaq ฟิวเจอร์ และ S&P 500 ฟิวเจอร์ บวก 0.54% และ 0.48% ตามลำดับ
ทั้งนี้ ดัชนีดาวโจนส์บวก 1.05% ในสัปดาห์ที่แล้ว ขานรับการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)
คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของเฟด (FOMC) มีมติ 9-3 ในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น 0.25% สู่ระดับ 3.50-3.75% ในการประชุมวันที่ 10 ธ.ค. ตามการคาดการณ์ของตลาด
ในการคาดการณ์อัตราดอกเบี้ยนโยบาย (Dot Plot) เจ้าหน้าที่เฟดส่งสัญญาณปรับลดอัตราดอกเบี้ย 1 ครั้ง ๆ ละ 0.25% ในปี 2569 และลดอัตราดอกเบี้ยอีก 1 ครั้ง ๆ ละ 0.25% ในปี 2570
อย่างไรก็ดี นักวิเคราะห์ระบุว่า เฟดมีแนวโน้มที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปี 2569 มากกว่าที่ระบุไว้ใน Dot Plot เนื่องจากเฟดได้รับข้อมูลเศรษฐกิจที่จำกัด อันเนื่องจากการปิดหน่วยงานรัฐบาล หรือชัตดาวน์
นอกจากนี้ การที่นายเจอโรม พาวเวล จะครบวาระการดำรงตำแหน่งประธานเฟดในเดือนพ.ค.2569 ขณะที่มีการคาดการณ์กันว่านายเควิน แฮสเซตต์ ผู้อำนวยการสภาเศรษฐกิจแห่งชาติประจำทำเนียบขาว และเป็นที่ปรึกษาของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ จะได้รับเลือกให้เป็นประธานเฟดคนใหม่ อาจมีผลต่อทิศทางการดำเนินนโยบายการเงินของเฟดในช่วงครึ่งหลังของปี 2569 เนื่องจากนายแฮสเซตต์เป็นผู้ที่สนับสนุนการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเชิงรุก
'แนวทางชี้นำของเฟดอาจบอกเราได้น้อยกว่าปกติเกี่ยวกับแนวโน้มอัตราดอกเบี้ย ด้วย 2 เหตุผลสำคัญ'
'ประการแรก เฟดรับรู้ข้อมูลเกี่ยวกับสภาพเศรษฐกิจปัจจุบันน้อยกว่าปกติ เพราะการปิดหน่วยงานของรัฐบาลทำให้เกิดความล่าช้าต่อการเผยแพร่ข้อมูลทางเศรษฐกิจ'
'ประการที่สอง แนวทางชี้นำของเฟดไม่ได้สะท้อนว่าการดำเนินนโยบายการเงินจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไรหลังวาระการดำรงตำแหน่งของนายพาวเวลสิ้นสุดลงในเดือนพฤษภาคม 2569'
'ปี 2569 จึงมีความเป็นไปได้อย่างมากที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยมากกว่าที่ระบุไว้ใน Dot Plot ของเดือนธันวาคม แทนที่จะปรับลดน้อยกว่า' นายบิล อดัมส์ หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของ Comerica Bank กล่าว
ขณะเดียวกัน นักลงทุนคาดการณ์ว่า เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 2 ครั้งในปี 2569 แม้รายงาน Dot Plot ของเจ้าหน้าที่เฟดส่งสัญญาณปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพียง 1 ครั้ง
ล่าสุด FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนคาดการณ์ว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมเดือนเม.ย.และก.ย.ในปีหน้า ซึ่งจะทำให้อัตราดอกเบี้ยของเฟดอยู่ที่ระดับ 3.00-3.25% ในช่วงสิ้นปี 2569
นักลงทุนจับตาตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐในสัปดาห์นี้เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ทิศทางอัตราดอกเบี้ยของเฟด
ทั้งนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐ ประกาศยกเลิกการเผยแพร่ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ประจำเดือนต.ค. ซึ่งเดิมมีกำหนดเผยแพร่ในวันที่ 7 พ.ย. เนื่องจากการปิดหน่วยงานรัฐบาล หรือชัตดาวน์ ทำให้ทางกระทรวงฯ ไม่สามารถเก็บข้อมูลย้อนหลังของการสำรวจได้
ส่วนดัชนี CPI ประจำเดือนพ.ย. ซึ่งเดิมมีกำหนดเผยแพร่ในวันที่ 10 ธ.ค. จะถูกเลื่อนออกไปเป็นวันที่ 18 ธ.ค.
นอกจากนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรในวันที่ 16 ธ.ค. ซึ่งจะเป็นตัวเลขการจ้างงานรวมกันของเดือนต.ค.และพ.ย. โดยจะไม่มีการแยกตัวเลขการจ้างงานของทั้งสองเดือนดังกล่าว
การเปิดเผยรายงานการจ้างงานนอกภาคเกษตรในวันที่ 16 ธ.ค. ถือว่าล่าช้ากว่ากำหนดในวันที่ 5 ธ.ค. ซึ่งที่ผ่านมา ทางกระทรวงฯ มักเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานในวันศุกร์แรกของแต่ละเดือน
ขณะเดียวกัน กระทรวงฯ จะไม่มีการเปิดเผยตัวเลขอัตราว่างงานประจำเดือนต.ค. เนื่องจากทางกระทรวงฯ ไม่สามารถรวบรวมข้อมูลการว่างงานสำหรับช่วงเวลาดังกล่าว เพราะในขณะนั้นสหรัฐอยู่ในภาวะชัตดาวน์