ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียวปิดร่วงลงในวันนี้ (16 ธ.ค.) โดยดัชนีปรับตัวลงต่ำกว่าระดับ 50,000 จุด และเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 2 สัปดาห์ ขณะที่นักลงทุนชะลอการเข้าซื้อ เพื่อรอการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ในวันนี้
สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า ดัชนีนิกเกอิปิดตลาดที่ระดับ 49,383.29 จุด ลดลง 784.82 จุด หรือ -1.56% ซึ่งถือเป็นระดับปิดต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 2 ธ.ค.
หุ้นลบนำตลาดได้แก่กลุ่มโลหะที่ไม่มีส่วนผสมของเหล็ก กลุ่มบริษัทหลักทรัพย์ และกลุ่มเหมืองแร่
บรรยากาศการซื้อขายเป็นไปในเชิงลบ โดยหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีที่มีขนาดใหญ่ปรับตัวลงตามทิศทางหุ้นกลุ่มเดียวกันในตลาดหุ้นสหรัฐฯ ขณะเดียวกัน การที่เงินเยนแข็งค่าขึ้นยังส่งผลกระทบต่อหุ้นกลุ่มผู้ส่งออก
นักวิเคราะห์ระบุว่า ปัจจัยหลักที่ทำให้นักลงทุนระมัดระวังการซื้อขายมาจากการรอประเมินข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ได้แก่ ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนต.ค. และเดือนพ.ย. และยอดค้าปลีกเดือนต.ค. ที่มีกำหนดเปิดเผยในวันนี้ เพื่อประเมินความเป็นไปได้และกรอบเวลาในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งต่อไปของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด)
มาซาฮิโระ ยามากูจิ หัวหน้าฝ่ายวิจัยการลงทุนของ SMBC Trust Bank กล่าวว่า นักลงทุนกังวลต่อความเป็นไปได้ที่ข้อมูลเศรษฐกิจจะบ่งชี้ว่าตลาดแรงงานกำลังย่ำแย่ลงเกินกว่าที่คาดการณ์ไว้ ซึ่งสถานการณ์ดังกล่าวอาจกดดันให้เฟดต้องกลับมาลดอัตราดอกเบี้ยอีกครั้ง แม้ว่าเคยส่งสัญญาณพักการปรับลดอัตราดอกเบี้ยไว้ก่อนหน้านี้ก็ตาม
นอกจากนี้ ยามากูจิยังกล่าวเสริมว่า แม้สมมุติฐานหลักของตลาดยังคงเชื่อว่าการลดอัตราดอกเบี้ยของเฟดในช่วงที่ผ่านมาจะนำไปสู่การชะลอตัวทางเศรษฐกิจอย่างนุ่มนวล (Soft landing) แต่หากนักลงทุนเริ่มเชื่อว่าการลดอัตราดอกเบี้ยล้มเหลวในการยับยั้งการชะลอตัวทางเศรษฐกิจ ตลาดหุ้นก็อาจเผชิญกับแรงเทขายเป็นวงกว้างต่อไป