ดัชนีดาวโจนส์พุ่งขึ้นกว่า 300 จุด หลังสหรัฐเปิดเผยตัวเลขเงินเฟ้อที่ต่ำกว่าคาด ซึ่งจะเป็นปัจจัยหนุนการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในปี 2569
ณ เวลา 22.02 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์บวก 318.51 จุด หรือ 0.67% สู่ระดับ 48,204.48 จุด
นักลงทุนพากันเทน้ำหนักต่อคาดการณ์ที่ว่า เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกของปี 2569 ในการประชุมเดือนมี.ค. เร็วกว่าเดิมที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในเดือนเม.ย. หลังสหรัฐเปิดเผยตัวเลขเงินเฟ้อที่ต่ำกว่าคาดในวันนี้
นอกจากนี้ นักลงทุนคาดว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งที่ 2 ของปี 2569 ในเดือนก.ค. เร็วกว่าเดิมที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในเดือนก.ย. ซึ่งจะทำให้อัตราดอกเบี้ยของเฟดอยู่ที่ระดับ 3.00-3.25% ในช่วงสิ้นปี 2569
ล่าสุด FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 46.8% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 3.25-3.50% ในการประชุมเดือนมี.ค. จากเดิมที่ให้น้ำหนักเพียง 32.9% เมื่อเดือนที่แล้ว
นอกจากนี้ นักลงทุนให้น้ำหนัก 35.4% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 3.00-3.25% ในการประชุมเดือนก.ค. จากเดิมที่ให้น้ำหนัก 30.4% เมื่อเดือนที่แล้ว
กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้บริโภค ประจำเดือนพ.ย.ในวันนี้ โดยไม่มีการประกาศตัวเลขดัชนี CPI ประจำเดือนต.ค. ซึ่งเดิมมีกำหนดเผยแพร่ในวันที่ 7 พ.ย. เนื่องจากการปิดหน่วยงานรัฐบาล หรือชัตดาวน์ ทำให้ทางกระทรวงฯ ไม่สามารถเก็บข้อมูลย้อนหลังของการสำรวจได้
นอกจากนี้ การเปิดเผยดัชนี CPI ประจำเดือนพ.ย.จะเป็นตัวเลขเทียบรายปีเท่านั้น โดยไม่มีตัวเลขเทียบรายเดือน เนื่องจากกระทรวงฯ ไม่มีการรายงานตัวเลข CPI ประจำเดือนต.ค.
ทั้งนี้ ดัชนี CPI ทั่วไป (Headline CPI) ซึ่งรวมหมวดอาหารและพลังงาน ปรับตัวขึ้น 2.7% ในเดือนพ.ย. เมื่อเทียบรายปี ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 3.1% จากระดับ 3.0% ในเดือนก.ย.
ส่วนดัชนี CPI พื้นฐาน (Core CPI) ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน ปรับตัวขึ้น 2.6% ในเดือนพ.ย. เมื่อเทียบรายปี ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 3.0% จากระดับ 3.0% ในเดือนก.ย.