ดัชนี FTSE 100 ปิดปรับตัวลง 34.11 จุด หรือ 0.51% ที่ 6,647.87 จุด อย่างไรก็ดี ตลอดทั้งสัปดาห์ ดัชนียังปรับตัวขึ้น 1.4%
กระทรวงแรงงานสหรัฐเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรปรับตัวเพิ่มขึ้น 162,000 ตำแหน่งในเดือนก.ค. ขณะอัตราว่างงานลดลงสู่ระดับ 7.4% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนธ.ค.2551
โดยตัวเลขจ้างงานเดือนล่าสุดนี้เพิ่มขึ้นน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 175,000 ราย ซึ่งบ่งชี้ให้เห็นว่าการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่เป็นไปอย่างเชื่องช้าจะส่งผลกระทบต่อการจ้างงาน อันเนื่องมาจากภาษีที่สูง และการลดการใช้จ่ายภาครัฐส่งผลให้เศรษฐกิจยังไม่กระเตื้องขึ้นมากนักในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา แม้ตัวเลขการจ้างงานยังคงแข็งแกร่งในปีนี้
ก่อนที่จะมีการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญจากสหรัฐ ดัชนี FTSE 100 ปรับตัวขึ้น 0.2% หลังจากที่มีการเปิดเผยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการก่อสร้างของอังกฤษ พุ่งขึ้นแตะ 57 ในเดือนก.ค. จาก 51 ในเดือนมิ.ย. ซึ่งนับเป็นการขยายตัวรวดเร็วที่สุดในรอบ 3 ปี
ขณะเดียวกันได้มีการปรับเพิ่มคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจอังกฤษ เนื่องจากการใช้จ่ายผู้บริโภคเพิ่มขึ้น โดยสถาบันวิจัยเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติคาดการณ์ว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ของอังกฤษจะขยายตัว 1.2% ในปีนี้ และ 1.8% ปีหน้า เทียบกับ 0.9% และ 1.5% ที่คาดการณ์ไว้เมื่อเดือนพ.ค.ตามลำดับ
นอกจากข้อมูลตัวเลขจ้างงานสหรัฐแล้ว นักลงทุนยังให้ความสำคัญกับการรายงานผลประกอบการภาคเอกชน โดยหุ้นวิลเลียม ฮิลล์ ร่วงหนักถึง 7.3% หลังบริษัทรับพนันชื่อดังเผยผลประกอบการครี่งปีแรกที่ต่ำกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ หุ้นรอยัล แบงก์ ออฟ สกอตแลนด์ลบ 3.3% หลังเผยผลประกอบการครึ่งปีแรก และหลังจากที่ธนาคารยืนยันการแต่งตั้งรอส แมคอีวาน เป็นซีอีโอ
ขณะที่หุ้นกลุ่มเหมืองแร่อ่อนแรงลง โดยทั้งเฟรสนิลโล และ แรนด์โกลด์ รีซอร์สเซส ร่วง 4%
ในส่วนของหุ้นบวก หุ้นไอเอจีพุ่ง 6.7% หลังบริษัทแม่ของสายการบินบริติช แอร์เวย์ รายงานผลกำไรจากการดำเนินงานในไตรมาส 2
สำหรับทิศทางตลาดในสปดาห์หน้า จะมีการเปิดเผยดัชนี PMI ภาคบริการในวันจันทร์ ขณะเดียวกันนักลงทุนจับตารายงานภาวะเงินเฟ้อซึ่งธนาคารกลางอังกฤษมีกำหนดรายงานในวันพุธ