ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ลบ 2.18 จุด หรือ 0.01% ปิดที่ 15,371.65 จุด ดัชนี S&P 500 ดีดขึ้น 11.61 จุด หรือ 0.67% ปิดที่ 1,733.15 จุด และดัชนี Nasdaq ปรับขึ้น 23.72 จุด หรือ 0.62% ปิดที่ 3,863.15 จุด
การปิดหน่วยงานรัฐบาลบางส่วนของสหรัฐได้ยุติลง หลังจากเมื่อวานนี้ประธานาธิบดีบารัค โอบามาได้ลงนามในร่างกฎหมายในการเพิ่มเพดานหนี้และเปิดหน่วยงานรัฐบาล เพื่อมีผลบังคับใช้เป็นกฎหมาย โดยร่างกฎหมายดังกล่าวได้ผ่านความเห็นชอบจากทั้งสภาผู้แทนราษฎรที่มีพรรครีพับลิกันครองเสียงข้างมาก และวุฒิสภาที่มีพรรคเดโมแครตครองเสียงข้างมาก
ร่างกฎหมายฉบับนี้จะจัดสรรงบประมาณสำหรับการดำเนินงานของรัฐบาลไปจนถึงวันที่ 15 ม.ค. และปรับเพิ่มเพดานหนี้ไปจนถึงวันที่ 7 ก.พ.
อย่างไรก็ตาม ข้อตกลงการคลังชั่วคราวดังกล่าวไม่ได้จัดการกับหลายประเด็นที่ถกเถียงกัน และจะเป็นการก่อความขัดแย้งรอบใหม่ในช่วงไม่กี่เดือนข้างหน้า ดังนั้น นักลงทุนบางรายจึงยังคงอยู่นอกตลาด
ทั้งนี้ นักลงทุนได้กลับมาให้ความสนใจกับผลประกอบการภาคเอกชนที่ย่ำแย่ หลังจากยุติการชัตดาวน์ ซึ่งได้สั่นคลอดตลาดหุ้นในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา
ดัชนีดาวโจนส์อ่อนแรงลง โดยได้รับแรงกดดันจากหุ้นอินเตอร์เนชันแนล บิสเนส แมชีนส์ คอร์ป (ไอบีเอ็ม) และหุ้นโกลด์แมน แซคส์ กรุ๊ป อิงค์
ไอบีเอ็มรายงานผลประกอบการไตรมาส 3 ที่หดตัวลง 4% ขณะที่โกลด์แมน แซคส์เปิดเผยว่ารายได้สุทธิไตรมาส 3 ร่วงลง 20% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจนั้น กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 12 ต.ค. ปรับตัวลดลง15,000 ราย มาอยู่ที่ 358,000 ราย ซึ่งเป็นการปรับตัวลดลงที่น้อยกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์
ทางด้านธนาคารกลางสหรัฐสาขาฟิลาเดเฟียเผยผลสำรวจแนวโน้มธุรกิจเดือนต.ค.ที่อ่อนตัวลงแตะระดับ 19.8 จากระดับเดือนก.ย.ที่ 22.3 ซึ่งเป็นระดับสูงสดนับตั้งแต่เดือนมี.ค. 2554