ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 16,264.23 จุด ลดลง 4.76 จุด หรือ -0.03% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 1,849.04 จุด ลดลง 3.52 จุด หรือ -0.19% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,151.23 จุด ลดลง 22.35 จุด หรือ -0.54%
ตลาดหุ้นนิวยอร์กปรับตัวลงเนื่องจากข้อมูลเศรษฐกิจที่ผันผวน โดยเมื่อช่วงค่ำวานนี้ตามเวลาไทย กระทรวงพาณิชย์สหรัฐได้เปิดเผยการประมาณการครั้งสุดท้ายสำหรับจีดีพีไตรมาส 4/2556 โดยระบุว่าจีดีพีขยายตัวในอัตรา 2.6% เพิ่มขึ้นจากการประมาณการครั้งก่อนที่ระดับ 2.4% แต่ตัวเลขดังกล่าวขยายตัวน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 2.7%
ขณะที่สมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติของสหรัฐ (NAR) เปิดเผยว่า ยอดการทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) เดือนก.พ.ปรับตัวลดลงแตะระดับต่ำสุดในรอบกว่า 2 ปี บ่งชี้ว่าตลาดที่อยู่อาศัยของสหรัฐยังคงได้รับผลกระทบจากอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นและสภาพอากาศที่ย่ำแย่
ด้านกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 22 มี.ค. ลดลง 10,000 ราย แตะที่ 311,000 ราย ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ย. 2556 และตรงข้ามกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าตัวเลขดังกล่าวจะเพิ่มขึ้นแตะระดับ 323,000 ราย จากสัปดาห์ก่อนหน้าที่ระดับ 320,000 ราย บ่งชี้ว่าตลาดแรงงานของสหรัฐยังคงฟื้นตัว
นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากความไม่แน่นอนทางการเมืองในยูเครน โดยอดีตประธานาธิบดีวิกเตอร์ ยานูโควิช ต้องลี้ภัยออกนอกยูเครนเมื่อเดือนก.พ. อันเนื่องมาจากการชุมนุมประท้วงรัฐบาลยืดเยื้อนาน 3 เดือน ส่งผลให้ในขณะนี้รัฐบาลชุดใหม่ต้องพยายามอย่างเต็มที่เพื่อพยุงเศรษฐกิจประเทศ และการที่ไครเมียเข้าเป็นส่วนหนึ่งของรัสเซียได้ทำให้สถานการณ์ในยูเครนย่ำแย่ลง
หุ้นซิตี้กรุ๊ปร่วงลง 5.4% หลังจากมีรายงานว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ไม่อนุมัติให้ซิตี้กรุ๊ปดำเนินแผนการเพิ่มการจ่ายเงินปันผลเป็น 5 เซนต์ต่อหุ้นและซื้อคืนหุ้นมูลค่า 6.4 พันล้านดอลาร์
หุ้นแอคเซนเจอร์ ดิ่งลง 5% หลังจากบริษัทปรับลดคาดการณ์ผลประกอบการในปีนี้
อย่างไรก็ตาม หุ้นเอ็กซอน โมบิล ปรับขึ้น 1.6% หลังจากราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกปรับตัวสูงขึ้น ขณะที่หุ้นอัลโค อิงค์ ทะยานขึ้น 6.2%