ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 16,572.55 จุด ลดลง 0.45 จุด หรือ 0.00% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 1,888.77 จุด ลดลง 2.13 จุด หรือ -0.11% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,237.74 จุด ลดลง 38.72 จุด หรือ -0.91%
ในช่วงแรกนั้นตลาดหุ้นนิวยอร์กดีดตัวขึ้นเนื่องจากนักลงทุนยังคงมีมุมมองที่เป็นบวกต่อเศรษฐกิจ แม้ทางการสหรัฐรายงานในช่วงค่ำวานนี้ตามเวลาไทยว่า จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 29 มี.ค. เพิ่มขึ้น 16,000 ราย สู่ระดับ 326,000 ราย ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้นแตะ 319,000 ราย และยอดขาดดุลการค้าเดือนก.พ.เพิ่มขึ้น 7.7% จากเดือนก่อนหน้า แตะที่ 4.23 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นติดต่อกัน 3 เดือน
แต่ตลาดอ่อนแรงลงในเวลาต่อมา เนื่องจากนักลงทุนมีท่าทีวิตกกังวลและระมัดระวังการซื้อขายก่อนที่กระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยตัวเลขจ้างนอกภาคการเกษตรประจำเดือนมี.ค.ในวันศุกร์นี้ โดยนักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนมี.ค.ของสหรัฐจะเพิ่มขึ้นกว่า 200,000 ตำแหน่งในเดือนมี.ค. เมื่อเทียบที่มีการจ้างงานเพิ่ม 175,000 ตำแหน่งในเดือนก.พ. นอกจากนี้ คาดว่าอัตราว่างงานของสหรัฐจะลดลงสู่ระดับ 6.6% ในเดือนมี.ค. จาก 6.7% ในเดือนก่อนหน้า
อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นนิวยอร์กปรับตัวลงเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เพราะได้รับแรงหนุนในระหว่างวันหลังจากสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) เปิดเผยว่า ดัชนีภาคบริการเดือนมี.ค.ของสหรัฐขยายตัวขึ้นสู่ระดับ 53.1 ซึ่งแม้ว่าตัวเลขดังกล่าวอยู่ในระดับต่ำกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ 53.5 แต่ก็ยังสูงกว่าเดือนก.พ.ที่ระดับ 51.6
ขณะที่มาร์กิตรายงานว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการของสหรัฐขยายตัวสู่ระดับ 55.3 ในเดือนมี.ค. เพิ่มขึ้นจากเดือนก.พ.ที่ระดับ 53.3
หุ้นเทลซา มอเตอร์ส ร่วงลง 2.1% ขณะที่หุ้นเน็ทฟลิกซ์ ปรับตัวลง 2.3% และหุ้นเฟซบุ๊ก ร่วงลง 5.2%
หุ้นบาร์นส์ แอนด์ โนเบิล ดิ่งลง 13.5% หลังจากมีรายงานว่าบริษัทลิเบอร์ตี้ มีเดีย คอร์ป จะปรับลดจำนวนหุ้นที่ถืออยู่ในบาร์นส์ แอนด์ โนเบิล
บริษัทกูเกิล อิงค์ ได้ทำการแตกหุ้นที่จดทะเบียนในตลาดหุ้นนิวยอร์ก โดยหุ้น Class A ซึ่งซื้อขายภายใต้ชื่อ "GOOGL" ปรับตัวขึ้น 0.6% และหุ้น Class C ซึ่งซื้อขายภายใต้ชื่อ "GOOG" ปรับตัวขึ้น 0.5%