ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กแรงขายหุ้นเทคโนโลยี ฉุดดาวโจนส์ปิดร่วง 266.96 จุด

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday April 11, 2014 06:21 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงอย่างหนักเมื่อคืนนี้ (10 เม.ย.) ขณะที่ดัชนี NASDAQ ดิ่งลงหนักสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ย. 2556 เนื่องจากนักลงทุนกระหน่ำขายหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี อันเป็นผลมาจากความวิตกกังวลที่ว่าราคาในกลุ่มดังกล่าวอาจมีมูลค่าสูงเกินไปในช่วงที่บริษัทต่างๆกำลังเริ่มเปิดเผยผลประกอบการ

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 16,170.22 จุด ร่วงลง 266.96 จุด หรือ -1.62% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 1,833.08 จุด ลดลง 39.10 จุด หรือ -2.09% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,054.11 จุด ลดลง 129.79 จุด หรือ -3.10%

นักลงทุนกระหน่ำขายหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี เนื่องจากความกังวลที่ว่าราคาหุ้นในกลุ่มดังกล่าวมีมูลค่าสูงเกินไป หลังจากที่หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีทะยานขึ้นแข็งแกร่งและมีส่วนหนุนตลาดหุ้นนิวยอร์กปรับตัวขึ้นในช่วงก่อนหน้านี้

นักวิเคราะห์กล่าวว่า แรงขายหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีได้บดบังปัจจัยบวกจากรายงานของกระทรวงแรงงานสหรัฐที่ระบุว่า จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 5 เม.ย. ปรับตัวลง 32,000 ราย สู่ระดับ 300,000 ราย ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ค.ปี 2550 หรือระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 7 ปี สะท้อนให้เห็นว่าตลาดแรงงานของสหรัฐยังคงฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง

ทั้งนี้ หุ้นเฟซบุ๊ก ร่วงลง 5.2% ขณะที่หุ้นยาฮู ดิ่งลง 4.2% ส่วนหุ้นเทลซา หุ้นอีเบย์ หุ้นอเมซอน และหุ้นกูเกิล พากันร่วงลงอย่างหนักเช่นกัน

หุ้นเบด บาธ แอนด์ บียอนด์ ซึ่งเป็นบริษัทค้าปลีกรายใหญ่ของสหรัฐ ร่วงลง 6.2% หลังจากบริษัทได้ปรับลดคาดการณ์ผลประกอบการไตรมาสแรกลงมาอยู่ที่ระดับ 92-96 เซนต์ต่อหุ้น ซึ่งน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะอยู่ที่ 1.02 ดอลลาร์ต่อหุ้น

หุ้นกลุ่มการเงินร่วงลงเช่นกัน นำโดยหุ้นอเมริกัน เอ็กซ์เพรส ดิ่งลง 3.8% และหุ้นเจพีมอร์แกน เชส แอนด์ ร่วงลง 3.2%

อย่างไรก็ตาม หุ้นอัลโค อิงค์ พุ่งขึ้น 2.9% หลังจากบริษัทเปิดเผยว่ากำไรไตรมาสแรกอยู่ที่ 9 เซนต์ต่อหุ้น ขณะที่ผลประกอบการทั้งหมดอยู่ที่ 5.45 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งสูงกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์

นักลงุทนจับตาดูผลประกอบการภาคเอกชนอย่างใกล้ชิด เพื่อดูว่าบริษัทต่างๆได้รับผลกระทบจากอากาศหนาวมากน้อยเพียงใด โดยเจพี มอร์แกน เชส แอนด์ โค และเวลส์ ฟาร์โก จะเปิดเผยผลประกอบการไตรมาสแรกในวันศุกร์นี้ ขณะที่ผลสำรวจความคิดเห็นของนักวิเคราะห์ระบุว่า บริษัทที่จดทะเบียนในดัชนี S&P 500 จะมีผลประกอบการไตรมาสแรกขยายตัวขึ้น 1.1% และคาดว่ารายได้ของบริษัทกลุ่มนี้จะเพิ่มขึ้น 2.8% เมื่อเทียบเป็นรายปี


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ