ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กแรงขายทำกำไร ฉุดดาวโจนส์ปิดลบ 44.05 จุด

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday July 8, 2014 06:19 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (7 ก.ค.) เนื่องจากนักลงทุนเทขายทำกำไรหลังจากดัชนีดาวโจนส์ และ S&P 500 พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ขณะที่นักลงทุนจับตาดูรายงานผลประกอบการของบริษัทเอกชน

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 17,024.21 จุด ลดลง 44.05 จุด หรือ -0.26% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,451.53 จุด ลดลง 34.40 จุด หรือ -0.77% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 1,977.65 จุด ลดลง 7.79 จุด หรือ -0.39%

นักลงทุนเทขายทำกำไรหลังจากที่ดัชนีดาวโจนส์ และ S&P 500 ทำสถิติแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว หลังจากตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรเดือนมิ.ย.ของสหรัฐพุ่งขึ้น 288,000 ตำแหน่ง มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 215,000 ตำแหน่ง ส่วนอัตราว่างงานปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ระดับ 6.1% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 6 ปี สะท้อนให้เห็นว่าตลาดแรงงานของสหรัฐยังคงฟื้นตัวและมีแนวโน้มที่จะช่วยหนุนเศรษฐกิจให้ขยายตัวอย่างแข็งแกร่ง

อย่างไรก็ตาม ความแข็งแกร่งของตัวเลขจ้างงานสหรัฐทำให้นักวิเคราะห์ของเจพีมอร์แกนมองว่า อาจจะเป็นเหตุผลที่ให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ตัดสินใจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งแรกในช่วงไตรมาส 3 ปี 2558 แทนที่จะเป็นไตรมาส 4 ปี 2558 ตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้ ซึ่งการแสดงความคิดเห็นดังกล่าวได้สร้างความวิตกกังวลในตลาด

นอกเหนือจากเจพีมอร์แกนแล้ว โกลด์แมน แซคส์ ยังได้คาดการณ์ว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเช่นกัน

ทั้งนี้ นักลงทุนจับตาดูรายงานการประชุมของเฟดในวันพุธนี้ เพื่อดูว่าเฟดจะส่งสัญญาณใดๆเกี่ยวกับนโยบายอัตราดอกเบี้ยหรือไม่ นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาดูรายงานผลประกอบการไตรมาส 2 ของบริษัทเอกชนสหรัฐ

สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า บริษัทที่จดทะเบียนในดัชนี S&P 500 บางแห่งได้รายงานผลประกอบการแล้ว โดยบริษัทที่เปิดเผยผลประกอบการสูงกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์นั้น มีอยู่ราว 63.6%

สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจที่มีการเปิดเผยเมื่อช่วงค่ำวานนี้ คอนเฟอเรนซ์ บอร์ดเปิดเผยว่า ดัชนีแนวโน้มการจ้างงานในเดือนมิ.ย.เพิ่มขึ้นแตะ 119.62 จาก 119.03 ในเดือนพ.ค. ซึ่งเน้นย้ำถึงภาวะตลาดแรงงานสหรัฐที่มีความแข็งแกร่งขึ้นในเดือนที่แล้ว

หุ้นกลุ่มพลังงานปรับตัวลง โดยหุ้น Peabody Energy ร่วงลง 3.7% ขณะที่หุ้น Chesapeake Energy ดิ่งลง 4.6%

ส่วนหุ้นกลุ่มสายการบินปรับตัวลงเช่นกัน โดยหุ้นเดลต้า แอร์ไลนส์ ร่วงลง 4.4% และหุ้นยูไนเต็ด คอนติเนนตัล โฮลดิงส์ ปรับตัวลง 3.2%


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ