ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 17,060.68 จุด เพิ่มขึ้น 5.26 จุด หรือ +0.03% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,416.39 จุด ลดลง 24.03 จุด หรือ -0.54% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 1,973.28 จุด ลดลง 3.82 จุด หรือ -0.19%
ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กเป็นไปอย่างผันผวนหลังจากนางเยลเลนได้แถลงต่อสภาคองเกรสเมื่อวานนี้ว่า มีความเป็นไปได้ที่เฟดจะยุติโครงการซื้อสินทรัพย์ในเดือนต.ค.นี้ โดยไม่หวั่นว่าอาจจะเกิดภาวะฟองสบู่ในสินทรัพย์ พร้อมกับย้ำว่าเฟดจะยังคงตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำต่อไปอีกสักระยะ
ทั้งนี้ นางเยลเลนย้ำว่า เฟดจะยังคงอัตราดอกเบี้ยในช่วงปัจจุบันที่ 0-0.25% เป็นระยะเวลาอีกนานพอควร หลังจากยุติการซื้อพันธบัตรรัฐบาลและตราสารหนี้ที่มีหลักทรัพย์จำนองค้ำประกัน
อย่างไรก็ตาม หุ้นกลุ่มโซเชียลมีเดีย รวมถึงหุ้นเฟซบุ๊ก และหุ้นทวิตเตอร์ ร่วงลงอย่างน้อย 1% ขณะที่หุ้นแพนโดรา มีเดีย ร่วงลง 1.2% หลังจากนางเยลเลนได้แสดงความกังวลเกี่ยวกับมูลค่าหุ้นในกลุ่มดังกล่าว
ตลาดได้รับแรงกดดันจากข้อมูลเศรษฐกิจที่ผันผวนของสหรัฐ โดยกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดค้าปลีกเดือนมิ.ย.เพิ่มขึ้นเพียง 0.2% ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นน้อยที่สุดนับตั้งแต่เดือนม.ค.ที่ผ่านมา หลังจากที่เพิ่มขึ้น 0.5% ในเดือนพ.ค. ขณะที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขานิวยอร์กเปิดเผยว่า ดัชนีภาวะธุรกิจโดยรวม (Empire State Index) เดือนก.ค. พุ่งขึ้นแตะ 25.60 ในเดือนก.ค. จากระดับ 19.28 ในเดือนมิ.ย.
หุ้นกลุ่มการเงินดีดตัวขึ้นขานรับผลประกอบการของเจพีมอร์แกน และโกลด์ แมนแซคส์ โดยหุ้นเจพีมอร์แกน พุ่งขึ้น 3.5% และหุ้นโกลด์แมน แซคส์ ปรับขึ้น 1.3% หุ้นเวลส์ ฟาร์โก พุ่งขึ้น 3.8%