ตลาดหุ้นนิวยอร์กเปิดลบ หลังสหรัฐเผยตัวเลขสร้างบ้านร่วงหนักในเดือนมิ.ย.

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday July 17, 2014 22:05 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ตลาดหุ้นนิวยอร์กเปิดอ่อนแรงลงในวันนี้ เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มตลาดที่อยู่อาศัยของสหรัฐ หลังจากมีรายงานว่าตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านและการอนุญาตก่อสร้างบ้านในเดือนมิ.ย.ปรับตัวลดลงอย่างผิดคาด นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับข่าวที่ว่า สหภาพยุโรป (อียู) และสหรัฐ มีมติเพิ่มมาตรการคว่ำบาตรต่อรัสเซีย เนื่องจากรัสเซียล้มเหลวในการคลี่คลายวิกฤตการณ์ในยูเครน

ทั้งนี้ หลังจากตลาดเปิดทำการได้ไม่นาน ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปรับตัวลดลง 46.90 จุด หรือ 0.27% แตะที่ 17,091.30 จุด ดัชนี S&P 500 ปรับตัวลง 6.67 จุด หรือ 0.34% แตะที่ 1,974.90 จุด และดัชนี Nasdaq ลดลง 13.17 จุด หรือ 0.30% แตะที่ระดับ 4,412.80 จุด

ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กซบเซาลงตั้งแต่ตลาดเปิดทำการ เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับรายงานของกระทรวงพาณิชย์สหรัฐที่เปิดเผยในวันนี้ ตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านเดือนมิ.ย.ร่วงลง 9.3% แตะที่ 893,000 ยูนิต ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนก.ย. 2556 ตรงข้ามกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 1.02 ล้านยูนิต ขณะที่ตัวเลขการอนุญาตสร้างบ้านเดือนมิ.ย.ลดลง 4.2% แตะที่ 963,000 ยูนิต ตรงข้ามกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 1.04 ล้านยูนิต

ทั้งนี้ ปัจจัยที่ทำให้ตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านและการอนุญาตสร้างบ้านของสหรัฐร่วงลงอย่างผิดคาดในเดือนมิ.ย.นั้น มาจากอัตราดอกเบี้ยเงินกู้จำนองที่สูงขึ้น นอกจากนี้ การปรับตัวขึ้นของราคาบ้านยังทำให้ชาวอเมริกันจำนวนมากประสบความยากลำบากในการซื้อบ้าน ซึ่งข้อมูลดังกล่าวสะท้อนให้เห็นถึงภาวะซบเซาของตลาดที่อยู่อาศัยในสหรัฐ

นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับความขัดแย้งทางการเมืองระหว่างประเทศ อันเนื่องมาจากรายงานที่ว่าสหรัฐได้ประกาศคว่ำบาตรรัสเซียเพิ่มเติม เนื่องจากรัสเซียล้มเหลวในการคลี่คลายวิกฤตยูเครน โดยการคว่ำบาตรครั้งนี้สหรัฐได้พุ่งเป้าหมายไปที่บริษัทการเงิน พลังงาน และอาวุธของรัสเซีย ขณะที่กลุ่มผู้นำของอียูได้ตัดสินใจเพิ่มมาตรการคว่ำบาตรต่อรัสเซียด้วยเช่นกัน โดยมีเป้าหมายที่กลุ่มองค์กรต่างๆ รวมถึงองค์กรรัสเซีย ซึ่งมีพฤติกรรมสนับสนุนด้านวัตถุและการเงินต่อขบวนการบ่อนทำลายหรือเป็นภัยคุกคามต่ออำนาจอธิปไตย บูรณภาพแห่งดินแดน และเอกราชของยูเครน

หุ้นไมโครซอฟท์พุ่งขึ้น 3% หลังจากไมโครซอฟท์ประกาศแผนปลดพนักงานครั้งใหญ่ 18,000 ตำแหน่งในปีหน้า หรือคิดเป็น 14% ของพนักงานทั้งหมด ซึ่งถือเป็นส่วนหนึ่งของแผนปรับประสิทธิภาพดำเนินงานของบริษัท หลังจากที่ไมโครซอฟท์ได้เข้าซื้อธุรกิจมือถือของโนเกียไปก่อนหน้านี้ โดยแผนการลดพนักงานครั้งนี้ถือเป็นครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของไมโครซอฟท์ และนับเป็นครั้งที่ 2 ที่ไมโครซอฟท์ลดพนักงานทั่วถึงทั้งบริษัท โดยครั้งก่อนหน้าเกิดขึ้นในปี 2552 มีการปลดพนักงานไป 5,000 ตำแหน่ง หุ้นมอร์แกน สแตนลีย์ ปรับตัวขึ้น 1.25% หลังจากบริษัทเปิดเผยรายได้สุทธิในไตรมาส 2 เพิ่มขึ้น 1% สู่ระดับ 8.6 พันล้านดอลลาร์


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ