ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 17,078.28 จุด เพิ่มขึ้น 10.72 จุด หรือ +0.06% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,572.57 จุด ลดลง 25.62 จุด หรือ -0.56% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,000.72 จุด ลดลง 1.56 จุด หรือ -0.08%
ดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวขึ้นหลังจากรายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจของเฟดทั้ง 12 เขต หรือ Beige Book ระบุว่า กิจกรรมทางเศรษฐกิจของสหรัฐขยายตัวขึ้นนับตั้งแต่ที่เฟดเปิดเผยรายงานครั้งก่อนเมื่อวันที่ 16 ก.ค.ที่ผ่านมา ขณะที่แนวโน้มตลาดแรงงาน ค่าแรง และราคาผู้บริโภค ยังคงทรงตัว
ตลาดได้รับปัจจัยบวกจากรายงานของกระทรวงพาณิชย์สหรัฐที่ระบุว่า ยอดสั่งซื้อสินค้าที่ผลิตในโรงงานสหรัฐปรับตัวขึ้น 10.5% ในเดือนก.ค. ซึ่งใกล้เคียงกับที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 11.0% ขณะที่ยอดสั่งซื้อเดือนมิ.ย.ถูกปรับทบทวนเป็นเพิ่มขึ้น 1.5% จากเดิมที่รายงานว่าเพิ่มขึ้นเพียง 1.1%
นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงหนุนจากการที่นักลงทุนคาดหวังว่า สถานการณ์ยูเครนจะคลี่คลายลงหลังจากที่ประธานาธิบดีของรัสเซียและยูเครนได้หารือถึงขั้นตอนต่างๆ อันจะนำไปสู่การหยุดยิงในภาคตะวันออกของยูเครน
อย่างไรก็ตาม ดัชนี NASDAQ ปิดในแดนลบ หลังจากหุ้นแอปเปิลร่วงลง 4.22% ซึ่งเป็นการร่วงลงหนักสุดนับตั้งแต่เดือนม.ค.ปีนี้ ภายหลังจากบริษัทซัมซุง ซึ่งเป็นคู่แข่งรายใหญ่ของแอปเปิล ประกาศเปิดตัวสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ 2 รุ่น นอกจากนี้ แอปเปิลยังได้รับแรงกดดันจากกระแสข่าวในด้านลบเกี่ยวกับภาพหลุดของบรรดาคนดัง
หุ้นเดลต้า แอร์ไลน์ ร่วงลง 5.2% หลังจากบริษัทปรับลดคาดการณ์ผลประกอบการในไตรมาส 3
ขณะที่หุ้นกลุ่มธุรกิจสร้างบ้านปรับตัวลงเช่นกัน โดยพัลท์ กรุ๊ป ปรับตัวลง 3.8% หุ้นโทลล์ บราเธอร์ส ดิ่งลง 4.7% และหุ้นดีอาร์ ฮอร์ตัน ร่วงลง 2.2%