ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กดาวโจนส์ปิดลบ 8.70 จุด จากแรงขายหุ้นกลุ่มพลังงาน

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday September 5, 2014 06:20 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดปรับตัวลงเมื่อคืนนี้ (4 ก.ย.) เพราะได้รับแรงกดดันจากการร่วงลงของหุ้นกลุ่มพลังงาน นอกจากนี้ นักลงทุนยังได้ชะลอการซื้อขายก่อนที่กระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรในวันศุกร์ ซึ่งส่งผลให้ตลาดอ่อนแรงลง หลังจากที่เปิดตลาดพุ่งขึ้นขานรับการประกาศลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี)

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 17,069.58 จุด ลดลง 8.70 จุด หรือ -0.05% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,562.29 จุด ลดลง 10.28 จุด หรือ -0.22% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 1,997.65 จุด ลดลง 3.07 จุด หรือ -0.15%

ในช่วงแรกนั้น ตลาดหุ้นนิวยอร์กเปิดตลาดปรับตัวขึ้นหลังจากอีซีบีประกาศลดอัตราดอกเบี้ยพื้นฐานที่อีซีบีเรียกเก็บจากเงินกู้ที่ปล่อยให้แก่สถาบันการเงิน (Main refinancing operation) ลงสู่ระดับ 0.05% และปรับลดอัตราดอกเบี้ยที่อีซีบีจ่ายให้แก่ธนาคารที่นำเงินมาฝากกับอีซีบี (Deposit facility) ลงสู่ระดับ -0.2%

ด้านนายมาริโอ ดรากิ ประธานอีซีบีได้กล่าวในการแถลงข่าวภายหลังการประชุมว่า อีซีบียังได้ตัดสินใจที่จะเริ่มซื้อสินทรัพย์ภาคเอกชนที่ไม่ใช่สถาบันการเงิน ซึ่งได้แก่ ตราสารหนี้ที่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน (asset-backed securities) และตราสารหนี้ที่ค้ำประกันด้วยสินเชื่อคุณภาพ (covered bonds)

อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นนิวยอร์กอ่อนแรงลงในเวลาต่อมา เนื่องจากนักลงทุนเทขายหุ้นกลุ่มพลังงานหลังจากราคาน้ำมันในตลาดโลกร่วงลงกว่า 1 ดอลลาร์ โดยหุ้นเชฟรอน คอร์ป และหุ้นเอ็กซอน โมบิล คอร์ป ต่างก็ปรับตัวลง 0.8%

นอกจากนี้ นักลงทุนยังได้ชะลอการซื้อขายก่อนที่กระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรในวันศุกร์ อันเป็นผลมาจากข้อมูลด้านแรงงานที่อ่อนแอซึ่งมีการเปิดเผยเมื่อช่วงค่ำวานนี้ตามเวลาไทย โดย ADP ซึ่งเป็นบริษัทวิจัยตลาดแรงงานในสหรัฐ เปิดเผยว่า ภาคเอกชนทั่วสหรัฐมีการจ้างงานเพิ่มขึ้น 204,000 ตำแหน่งในเดือนส.ค. ซึ่งน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ระดับ 220,000 ตำแหน่ง และน้อยกว่าที่เพิ่มขึ้น 212,000 ตำแหน่งในเดือนก.ค.

ด้านกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานในสัปดาห์ซึ่งสิ้นสุดวันที่ 30 ส.ค. เพิ่มขึ้น 4,000 ราย สู่ระดับ 302,000 ราย ซึ่งเพิ่มขึ้นมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ว่าจะอยู่ที่ระดับ 300,000 ราย


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ