ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กดาวโจนส์ปิดร่วง 173.45 จุด เหตุวิตกศก.โลกชะลอตัว

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday October 16, 2014 06:36 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (15 ต.ค.) เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจทั่วโลก หลังจากสหรัฐ จีน และเยอรมนีเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอ รวมถึงยอดค้าปลีกของสหรัฐที่หดตัวลงในเดือนก.ย.

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 16,141.74 จุด ร่วงลง 173.45 จุด หรือ -1.06% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,215.32 จุด ลดลง 11.85 จุด หรือ -0.28% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 1,862.49 จุด ลดลง 15.21 จุด หรือ -0.81%

ตลาดหุ้นนิวยอร์กปรับตัวลงตั้งแต่เปิดทำการซื้อขาย โดยในระหว่างวันนั้น ดัชนีดาวโจนส์ดิ่งลงไปถึง 460 จุด ก่อนที่ตลาดจะดีดตัวขึ้นในตอนบ่าย แต่ถึงกระนั้น ตลาดก็ยังปิดในแดนลบเนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐ จีน และเยอรมนี โดยเมื่อวานนี้ สหรัฐเปิดเผยว่ายอดค้าปลีกเดือนก.ย.ร่วงลง 0.3% มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลงเพียง 0.1% ซึ่งสะท้อนถึงอุปสงค์จากผู้บริโภคที่อ่อนแอลง

ขณะที่ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนก.ย.ของสหรัฐลดลง 0.1% ซึ่งปรับตัวลงเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนส.ค.ปีที่แล้ว และดัชนีภาวะธุรกิจโดยรวม (Empire State Index) ซึ่งเป็นการสำรวจกิจกรรมการผลิตในเขตนิวยอร์ก ร่วงลงแตะ 6.17 ในเดือนต.ค. จากเดือนก.ย.ที่ระดับ 27.54 ส่วนสต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจขยับขึ้น 0.2% ในเดือนส.ค. น้อยกว่าที่ที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.4%

ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจของจีนและเยอรมนีนั้น สำนักงานสถิติแห่งชาติของจีน (NBS) เปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของจีนในเดือนก.ย.ขยายตัว 1.6% เมื่อเทียบรายปี ซึ่งชะลอตัวลงรุนแรงมากกว่าที่คาด และแตะระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนม.ค.2553 ขณะที่สำนักงานสถิติแห่งชาติของเยอรมนีเปิดเผยว่า อัตราเงินเฟ้อของเยอรมนีในเดือนก.ย.ขยายตัว 0.8% เมื่อเทียบรายปี ซึ่งเป็นอัตราเดียวกันกับเดือนส.ค.และก.ค.

หุ้นกลุ่มสายการบินร่วงลงอย่างหนัก หลังจากมีรายงานว่าเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ในโรงพยาบาลเทกซัส เฮลธ์ เพรสไบเทอเรียน ในเมืองดัลลัส รัฐเทกซัส ติดเชื้อไวรัสอีโบลาเป็นรายที่ 2 โดยหุ้นเดลต้า แอร์ไลน์ส ร่วงลง 1.2% และหุ้นยูไนเต็ด คอนติเนนตัล โฮลดิงส์ ร่วงลง 1.4%

หุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกา ร่วงลง 4.6% หลังจากธนาคารเปิดเผยผลประกอบการไตรมาส 3 ที่ลดน้อยลงเมื่อเทียบกับไตรมาส 2 ส่วนหุ้นเจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โค ดิ่งลงกว่า 2% หลังจากธนาคารเปิดเผยกำไรต่อหุ้นอยู่ที่ 1.36 ดอลลาร์ ซึ่งน้อยกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์

หุ้นวอล-มาร์ท ร่วงลง 3.6% หลังจากบริษัทปรับลดคาดการณ์ยอดขายในปีนี้ และคาดว่าผลกำไรจะชะลอตัวลงในอีก 3 ปีข้างหน้า อันเนื่องมาจากภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ