ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กดาวโจนส์ปิดบวก 12.53 จุด ตลาดจับตาการประชุมเฟด

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday October 28, 2014 06:36 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (27 ต.ค.) ขานรับผลประกอบการที่สดใสของบริษัทเอกชน รวมถึงทวิตเตอร์ และยอดการทำสัญญาขายบ้านของสหรัฐที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นในเดือนก.ย. อย่างไรก็ตาม ตลาดเคลื่อนตัวอย่างผันผวน เนื่องจากนักลงทุนเทขายทำกำไรหลังจากดัชนีดาวโจนส์พุ่งขึ้นแข็งแกร่งเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 16,817.94 จุด เพิ่มขึ้น 12.53 จุด หรือ +0.07% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,485.93 จุด เพิ่มขึ้น 2.21 จุด หรือ +0.05% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 1,961.63 จุด ลดลง 2.95 จุด หรือ -0.15%

ตลาดหุ้นนิวยอร์กยังคงได้รับแรงหนุนจากผลประกอบการที่สดใสของบริษัทบางแห่ง รวมถึงทวิตเตอร์ซึ่งเปิดเผยรายได้ในไตรมาส 3 อยู่ที่ 361 ล้านดอลลาร์ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 351 ล้านดอลลาร์

นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยบวกหลังจากข้อมูลเศรษฐกิจที่เป็นบวกของสหรัฐ โดยสมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติของสหรัฐ (NAR) เปิดเผยว่า ยอดทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) ปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.3% ในเดือนก.ย. แตะที่ระดับ 105 โดยค่าดัชนีที่สูงกว่า 100 บ่งชี้ถึงการขยายตัว

อย่างไรก็ตาม ภาวะการซื้อขายในตลาดเป็นไปอย่างผันผวน เนื่องจากนักลงทุนบางส่วนได้เข้ามาเทขายทำกำไรหลังจากดัชนีดาวโจนส์พุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่งในรอบสัปดาห์ที่แล้ว

ขณะเดียวกันนักลงทุนระมัดระวังการซื้อขายก่อนที่จะรับทราบผลการประชุมระยะเวลา 2 วันของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งจะเสร็จสิ้นในวันพุธนี้ โดยมีการคาดการณ์ว่าคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของเฟด (เอฟโอเอ็มซี) จะประกาศการสิ้นสุดโครงการซื้อสินทรัพย์ หรือ QE ในการประชุมครั้งนี้

ทั้งนี้ นักลงทุนวิตกกังวลว่าหากเฟดตัดสินใจยุติโครงการ QE ก็อาจจะส่งผลให้ภาวะการซื้อขายในตลาดผันผวนอย่างหนัก หลังจากที่โครงการดังกล่าวได้ช่วยกระตุ้นให้ตลาดทะยานขึ้นในช่วงก่อนหน้านี้

หุ้นกลุ่มพลังงานร่วงลงหลังจากโกลด์แมน แซคส์ คาดการณ์ว่า ปริมาณการผลิตน้ำมันจากกลุ่มนอกภูมิภาคอเมริกาเหนือ รวมถึงบราซิลและอาเซอร์ไบจัน จะมีอยู่มากเกินไปในปี 2558 ซึ่งรายงานดังกล่าวได้ฉุดสัญญาน้ำมันดิบ WTI ร่วงลง และยังได้ฉุดราคาหุ้นฮัลลิเบอร์ตัน ดิ่งลง 6.1% หุ้นนิวฟิลด์ เอ็กซ์พลอเรชัน ร่วงลง 4.6% และหุ้นเนเบอร์ส ปรับตัวลง 6.7%

หุ้นเมอร์ก ซึ่งเป็นผู้ผลิตยารายใหญ่ของสหรัฐ ร่วงลง 2% หลังจากบริษัทเปิดเผยกำไรสุทธิปรับตัวลงสู่ระดับ 895 ล้านดอลลาร์ หรือ 31 เซนต์ต่อหุ้นในไตรมาส 3 ปีนี้ จากไตรมาส 3 ปีที่แล้วที่ระดับ 1.12 พันล้านดอลลาร์

นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในวันนี้ โดยในเวลา 19.30 น.ตามเวลาไทย สหรัฐจะเปิดเผยยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนก.ย. จากนั้นในเวลา 20.00 น.ตามเวลาไทย สหรัฐจะเปิดเผยราคาบ้านเดือนส.ค.จากสแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์/เคส ชิลเลอร์ และในเวลา 21.00 น. คอนเฟอเรนซ์ บอร์ดจะเปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนต.ค.


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ