หลังจากตลาดเปิดทำการได้ไม่นาน ดัชนีดาวโจนส์เพิ่มขึ้น 26.28 จุด หรือ 0.15% แตะ 17,510.81 จุด ดัชนี S&P 500 ขยับขึ้น 0.35 จุด หรือ 0.02% ที่ 2,023.92 จุด และดัชนี Nasdaq บวก 1.72 จุด หรือ 0.04% สู่ระดับ 4,622.44 จุด
ถ้อยแถลงของดรากิส่งให้ทั้งดาวโจนส์ และ S&P 500 แตะระดับสูงสุดระหว่างวันครั้งใหม่ที่ 17,519.74 จุด และ 2,025.32 จุด ตามลำดับ
อีซีบีมีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 0.05% ในการประชุมวันนี้ โดยนายดรากิได้กล่าวในการแถลงข่าวภายหลังการประชุมว่า หากจำเป็นที่จะต้องรับมือกับความเสี่ยงที่เพิ่มมากขึ้นอันเนื่องมาจากอัตราเงินเฟ้ออยู่ในระดับต่ำเป็นระยะเวลายาวนานเกินไป ทางคณะมนตรีบริหาร (Governing Council) ของธนาคารกลางยุโรปก็มีมติเป็นเอกฉันท์ที่จะใช้เครื่องมือใหม่ๆเพิ่มเติมภายในขอบเขตอำนาจของอีซีบี
"คณะมนตรีบริหารได้มอบหมายภารกิจให้เจ้าหน้าที่ของอีซีบี และคณะกรรมการของธนาคารกลางที่ใช้สกุลเงินยูโร (Eurosystem) ที่เกี่ยวข้อง เพื่อรับประกันว่ามีการเตรียมความพร้อมสำหรับการใช้มาตรการเพิ่มเติมอย่างทันท่วงที หากจำเป็น
นอกจากนี้ การปรับตัวลดลงของจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานในสัปดาห์ที่แล้ว และประสิทธิภาพการผลิตไตรมาสสามที่แข็งแกร่งเกินคาด ก็เป็นปัจจัยหนุนตลาดหุ้นนิวยอร์กให้ปรับตัวขึ้นในช่วงเปิดตลาดด้วยเช่นกัน
กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานในสัปดาห์ซึ่งสิ้นสุดวันที่ 1 พ.ย. ปรับตัวลง 10,000 ราย แตะที่ 278,000 ราย นับเป็นสัปดาห์ที่ 8 ติดต่อกันแล้วที่ตัวเลขดังกล่าวอยู่ต่ำกว่าระดับ 300,000 ซึ่งบ่งชี้ว่าการจ้างงานยังคงเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ขณะที่การเลิกจ้างงานแตะระดับต่ำสุดในรอบหลายปี
จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานในสัปดาห์ที่แล้วลดลงมากกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่คาดการณ์ไว้ว่าจะอยู่ที่ราว 285,000 ราย
ส่วนจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานโดยเฉลี่ย 4 สัปดาห์ ซึ่งสามารถวัดแนวโน้มตลาดแรงงานได้ดีกว่าเพราะมีความผันผวนน้อยกว่าตัวเลขรายสัปดาห์นั้น ลดลง 2,250 ราย แตะที่ระดับ 279,000 ราย ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนเม.ย.2543
ขณะเดียวกันกระทรวงแรงงานสหรัฐยังได้เปิดเผยว่า ประสิทธิภาพการผลิตของแรงงานนอกภาคเกษตรขยายตัว 2% ต่อปีในช่วงไตรมาสสามของปี 2557
อย่างไรก็ตาม ดัชนีปรับตัวลดลงในเวลาต่อมา จากแรงขายหุ้นกลุ่มพลังงาน ท่ามกลางราคาน้ำมันที่ปรับตัวลดลง รวมถึงหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีที่ถูกดดันจากผลประกอบการที่อ่อนแอ