ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กดาวโจนส์ปิดพุ่ง 102.75 จุด รับข้อมูลศก.สหรัฐสดใส

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday December 3, 2014 06:26 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (2 ธ.ค.) เพราะได้แรงหนุนจากรายงานของกระทรวงพาณิชย์สหรัฐที่ระบุว่า ตัวเลขการใช้จ่ายด้านการก่อสร้างในเดือนต.ค.ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่ง ซึ่งปัจจัยดังกล่าวช่วยให้นักลงทุนมีมุมมองที่เป็นบวกต่อแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐ และยังช่วยหนุนดัชนีดาวโจนส์ทะยานขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์

ดัชนีเฉลี่ยนอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 17,879.55 จุด พุ่งขึ้น 102.75 จุด หรือ +0.58% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,755.81 จุด เพิ่มขึ้น 28.46 จุด หรือ +0.60% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,066.55 จุด เพิ่มขึ้น 13.11 จุด หรือ +0.64%

ตลาดหุ้นนิวยอร์กปรับตัวขึ้นตั้งแต่ตลาดเปิดทำการ โดยในช่วงแรกนั้นตลาดได้รับปัจจัยบวกจากกระแสคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางหลายแห่งทั่วโลกจะใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม

ตลาดดีดตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่งในเวลาต่อมา เมื่อกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า การใช้จ่ายด้านการก่อสร้างในเดือนต.ค. ปรับตัวขึ้น 1.1% มากที่สุดนับตั้งแต่เดือนพ.ค. สู่ระดับ 9.71 แสนล้านดอลลาร์ หลังจากที่ลดลงในเดือนก่อนหน้า โดยการใช้จ่ายเดือนต.ค.ปรับตัวขึ้นทั้งในโครงการก่อสร้างภาครัฐและเอกชน

ทั้งนี้ การใช้จ่ายด้านการก่อสร้างในเดือนต.ค.แข็งแกร่งกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้น 0.7% นอกจากนี้ ค่าใช้จ่ายด้านการก่อสร้างเดือนก.ย.ยังได้รับการปรับทบทวนเป็นลดลงเพียง 0.1% จากรายงานก่อนหน้านี้ที่ระบุว่าลดลง 0.4%

หุ้นกลุ่มบริษัทผลิตรถยนต์ดีดตัวขึ้น โดยหุ้นเจนเนอรัล มอเตอร์ ปรับขึ้น 0.97% หลังจากบริษัทเปิดเผยยอดขายพุ่งขึ้น 6.5% ในเดือนพ.ย. แตะที่ 225,818 คัน ขณะที่หุ้นฟอร์ด มอเตอร์ ดีดขึ้น 0.82% แม้ว่าบริษัทเปิดเผยยอดขายลดลง 1.8% แตะที่ 187,000 คันในเดือนพ.ย

หุ้นกลุ่มพลังงานดีดตัวขึ้น โดยหุ้นเชฟรอน คอร์ป และหุ้นเอ็กซอน โมบิล ต่างก็ปรับตัวขึ้นกว่า 1.9%

นักลงทุนจับตาการประชุมธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) ในวันที่ 4 ธ.ค.นี้ ซึ่งนักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่คาดว่าอีซีบีจะตัดสินใจซื้อพันธบัตรรัฐบาล โดยเป็นส่วนหนึ่งของการขยายมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ

นอกจากนี้ ตลาดยังรอดูกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรประจำเดือนพ.ย.ในวันศุกร์นี้ด้วย ซึ่งนักวิเคราะห์คาดว่า ตัวเลขจ้างงานจะเพิ่มขึ้นมากกว่า 200,000 ตำแหน่งเป็นเดือนที่ 10 ติดต่อกัน และอาจจะทำให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ตัดสินใจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในช่วงกลางปีหน้า


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ