ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 17,832.99 จุด เพิ่มขึ้น 9.92 จุด หรือ +0.06% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,726.81 จุด ลดลง 9.24 จุด หรือ -0.20% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,058.20 จุด ลดลง 0.70 จุด หรือ -0.03%
ในช่วงที่ตลาดเปิดทำการได้ไม่นานนั้น ดัชนีดาวโจนส์ขานรับศักราชใหม่ด้วยการพุ่งขึ้นกว่า 100 จุด ก่อนที่จะอ่อนแรงลงในระหว่างวันและปิดตลาดเกือบทรงตัว ท่ามกลางวอลุ่มการซื้อขายที่บางเบา หลังจากมีรายงานว่า ภาคการผลิตของสหรัฐชะลอตัวลง ซึ่งส่งผลให้นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐ
ทั้งนี้ สถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) เปิดเผยเมื่อช่วงค่ำวานนี้ตามเวลาไทยว่า ดัชนีภาคการผลิตประจำเดือนธ.ค.มีการขยายตัวต่ำกว่าคาด โดยร่วงลงแตะระดับ 55.5 ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนมิ.ย. 2014 จาก 58.7 ในเดือนพ.ย. และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ 57.6
ด้านมาร์กิตเปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตของสหรัฐประจำเดือนธ.ค.ร่วงลงแตะระดับ 53.9 ในเดือนธ.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนม.ค.2014 จากตัวเลขเบื้องต้นที่ 53.7 และจากระดับ 54.8 ในเดือนพ.ย. นอกจากนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า การใช้จ่ายด้านการก่อสร้างลดลง 0.3% สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.3% เนื่องจากภาครัฐและภาคธุรกิจลดการใช้จ่ายในโครงการต่างๆ
หุ้นกลุ่มพลังงานปรับตัวขึ้นแม้ว่าราคาน้ำมันดิบ WTI ตลาดนิวยอร์กยังคงชะลอตัวลงก็ตาม โดยหุ้นเรนจ์ รีซอสเซส พุ่งขึ้น 3.7% และหุ้นอีคิวที ทะยานขึ้น 2.4%
หุ้นอินเตอร์เนชันแนล บิสิเนส แมชีนส์ (ไอบีเอ็ม) พุ่งขึ้น 1% ส่วนหุ้นเบด บาธ แอนด์ บียอนด์ ขยับขึ้น 0.7% หลังจากนักวิเคราะห์จาก Canaccord Genuity ได้ปรับเพิ่มน้ำหนักความน่าลงทุนของหุ้นดังกล่าวขึ้นสู่ระดับ "buy" จากก่อนหน้านี้ที่ระดับ "hold"
ข้อมูลจากสำนักข่าวซินหัวระบุว่า ตลอดปี 2557 ดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวขึ้นทั้งสิ้น 7.5% ซึ่งเป็นการปรับขึ้นติดต่อกันยาวนานถึง 6 ปี ขณะที่ดัชนี S&P 500 ปรับตัวขึ้น 11.4% และดัชนี NASDAQ พุ่งขึ้น 13.4% โดยดัชนีทั้ง 2 ปรับตัวขึ้นติดต่อกันเป็นปีที่ 3
นักวิเคราะห์คาดว่า นักลงทุนในตลาดการเงินจะจับตาดูความเคลื่อนไหวของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อย่างใกล้ชิดในปีนี้ เพื่อประเมินว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเมื่อใด