ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 17,501.65 จุด ร่วงลง 331.34 จุด หรือ -1.86% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,652.57 จุด ลดลง 74.24 จุด หรือ -1.57% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,020.58 จุด ลดลง 37.62 จุด หรือ -1.83%
ตลาดหุ้นนิวยอร์กได้รับแรงกดดันจากวิกฤตราคาพลังงาน เนื่องจากราคาน้ำมันดิบ WTI ตลาดนิวยอร์กร่วงลงอย่างหนัก โดยในการซื้อขายเมื่อคืนนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ดิ่งลง 2.65 ดอลลาร์ แตะที่ 50.04 ดอลลาร์/ออนซ์ เนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะอุปทานน้ำมันที่อยู่ในระดับสูงเกินไป
ทั้งนี้ การร่วงลงของราคาน้ำมันดิบได้ฉุดหุ้นกลุ่มพลังงานร่วงลง และส่งผลให้ดัชนีหุ้นกลุ่มพลังงานในดัชนี S&P 500 ดิ่งลงไปกว่า 4% โดยหุ้นเชฟรอน คอร์ปอเรชัน ดิ่งลง 4% และหุ้นเอ็กซอน โมบิล ร่วงลง 4%
หุ้นแคทเทอร์พิลลาร์ ร่วงลง 5.3% เนื่องจากความวิตกกังวลที่ว่าแคทเทอร์พิลลาร์อาจจะเผชิญกับยอดขายที่ชะลอตัวลง อันเนื่องมาจากบริษัทพลังงานลดการใช้จ่าย หลังจากราคาน้ำมันดิบร่วงลงอย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยลบจากความวิตกกังวลที่ว่ากรีซอาจจะพ้นจากการเป็นสมาชิกของยูโรโซน ซึ่งอาจจะส่งผลกระทบต่อแนวโน้มเศรษฐกิจโดยรวมของยูโรโซนด้วย
นายอันโตนิส ซามาราส นายกรัฐมนตรีกรีซ เปิดเผยว่า การเลือกตั้งทั่วไปซึ่งจะมีขึ้นในวันที่ 25 ม.ค.นี้ ถือเป็นการชี้ชะตาว่ากรีซจะสามารถรักษาสถานภาพการเป็นสมาชิกยูโรโซนต่อไปได้หรือไม่ และหากพรรคไซรีซา ซึ่งเป็นพรรคฝ่ายค้าน ได้รับชัยชนะในการเลือกตั้ง ก็อาจจะส่งผลให้กรีซต้องพ้นจากการเป็นชาติสมาชิกของยูโรโซน เนื่องจากหัวหน้าพรรคไซรีซา มีแนวโน้มที่จะยุติมาตรการรัดเข็มขัด ซึ่งเป็นเงื่อนไขที่ได้รับการสนับสนุนจากเยอรมนี เพื่อแลกกับการให้ความช่วยเหลือต่อกรีซ
นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในวันนี้ รวมถึงดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการเดือนธ.ค., ยอดสั่งซื้อภาคโรงงานเดือนพ.ย. และดัชนีภาคบริการของสหรัฐเดือนธ.ค.จากสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM)