ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 17,371.64 จุด ร่วงลง 130.01 จุด หรือ -0.74% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,592.74 จุด ลดลง 59.83 จุด หรือ -1.29% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,002.61 จุด ลดลง 17.97 จุด หรือ -0.89%
ตลาดหุ้นนิวยอร์กยังคงได้รับแรงกดดันจากราคาน้ำมันดิบที่ร่วงลงอย่างต่อเนื่อง โดยสัญญาน้ำมันดิบ WTI ตลาดนิวยอร์กดิ่งลงไปแตะระดับต่ำสุดในระหว่างวันที่ 47.55 ดอลลาร์/บาร์เรล ก่อนที่จะปิดตลาดที่ 47.93 ดอลลาร์/บาร์เรล อันเนื่องมาจากการคาดการณ์ที่ว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐจะยังคงปรับตัวสูงขึ้น รวมทั้งข่าวที่ว่าอิรักวางแผนที่จะเพิ่มการส่งออกน้ำมันดิบเป็น 3.3 ล้านบาร์เรลในเดือนนี้
นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยลบจากข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอของสหรัฐ โดยในช่วงค่ำวานนี้ตามเวลาไทย โดยมาร์กิตเปิดเผยว่า ตัวเลขขั้นสุดท้ายของดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ในภาคบริการอยู่ที่ระดับ 53.3 ในเดือนธ.ค. ซึ่งน้อยกว่าตัวเลขประมาณการเบื้องต้นที่ระดับ 53.6 โดยดัชนีภาคบริการเดือนธ.ค.มีอัตราการขยายตัวต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนก.พ. 2557
ขณะที่สถาบันจัดการด้านอุปทาน (ISM) เปิดเผยว่า ภาคบริการของสหรัฐมีการขยายตัวต่ำกว่าคาดในเดือนธ.ค.2014 โดยแตะระดับต่ำสุดในรอบ 6 เดือน ขณะที่ดัชนีการจ้างงาน, คำสั่งซื้อ และกิจกรรมทางธุรกิจต่างปรับตัวลง
ด้านกระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานว่า คำสั่งซื้อใหม่สำหรับภาคการผลิตของสหรัฐร่วงลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 4 ในเดือนพ.ย.2014 ซึ่งบ่งชี้ถึงการชะลอตัวของกิจกรรมภาคการผลิต และการขยายตัวทางเศรษฐกิจโดยรวม
หุ้นกลุ่มพลังงานร่วงลง 1.3% โดยหุ้นเซาท์เวสเทิร์น เอนเนอร์จี และหุ้นเรนจ์ รีซอสเซส ต่างก็ปรับตัวลง 2.6%
หุ้นกลุ่มอินเตอร์เน็ตร่วงลงเช่นกัน โดยหุ้นทริปแอดไวเซอร์ หุ้นแพนโดรา มิเดีย และหุ้นลิงค์อิน ต่างก็ร่วงลงกว่า 3.5%
ส่วนหุ้น AOL ทะยานขึ้น 3.4% หลังจากมีข่าวว่าบริษัทเวริซอน คอมมูนิเคชันส์ อาจจะยื่นข้อเสนอซื้อกิจการ หรือ ควบรวมกิจการกับ AOL
นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในวันนี้ รวมถึงตัวเลขจ้างงานเดือนธ.ค.จาก ADP และ ข้อมูลการค้าระหว่างประเทศเดือนพ.ย. นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับดูตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรเดือนธ.ค.ซึ่งจะมีการเปิดเผยในวันศุกร์นี้