ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กดาวโจนส์ปิดร่วง 117.16 จุด เหตุดอลล์แข็งฉุดหุ้นพลังงาน

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday March 20, 2015 06:29 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (19 มี.ค.) เนื่องจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ได้ฉุดหุ้นกลุ่มพลังงานร่วงลง นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากจำนวนคนว่างงานรายสัปดาห์ของสหรัฐที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 17,959.03 จุด ร่วงลง 117.16 จุด หรือ -0.65% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,089.27 จุด ลดลง 10.23 จุด หรือ -0.49% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,992.38 จุด เพิ่มขึ้น 9.55 จุด หรือ +0.19%

ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กเป็นไปอย่างซบเซาเมื่อคืนนี้ เนื่องจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ได้ฉุดหุ้นกลุ่มพลังงานร่วงลง โดยหุ้นกลุ่มพลังงานที่คำนวณในดัชนี S&P 500 ดิ่งลง 1.7%

นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยลบจากรายงานของกระทรวงแรงงานสหรัฐที่ระบุว่า จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในรอบสัปดาห์ซึ่งสิ้นสุดวันที่ 14 มี.ค. เพิ่มขึ้น 1,000 ราย สู่ระดับ 291,000 ราย ส่วนจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกโดยเฉลี่ย 4 สัปดาห์ ซึ่งสามารถวัดแนวโน้มตลาดแรงงานได้ดีกว่าเพราะมีความผันผวนน้อยกว่าตัวเลขรายสัปดาห์นั้น เพิ่มขึ้น 2,250 ราย แตะระดับ 304,750 ราย

ทั้งนี้ ตลาดหุ้นนิวยอร์กปรับฐานลงหลังจากที่พุ่งขึ้นแข็งแกร่งเมื่อวันพุธที่ผ่านมา อันเนื่องมาจากนักลงทุนขานรับถ้อยแถลงของเฟดที่ส่งสัญญาณว่าจะยังไม่รีบปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย โดยแถลงการณ์ของเฟดระบุว่า การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 'ไม่มีแนวโน้ม' ที่จะเกิดขึ้นในการประชุมเดือนเม.ย. และระบุว่า การเปลี่ยนแปลงสิ่งชี้นำอัตราดอกเบี้ยไม่ได้หมายความว่าเฟดได้ตัดสินใจเกี่ยวกับกำหนดเวลาในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยแล้ว"

หุ้นแอปเปิลปรับตัวลง 0.76% หลังจากเข้าจดทะเบียนซื้อขายในดัชนีดาวโจนส์เป็นวันแรก ขณะที่หุ้นเอทีแอนด์ที ดิ่งลง 1.2% หุ้นเลนนาร์ คอร์ป ซึ่งเป็นบริษัทรับสร้างบ้าน ปรับตัวลง 0.1% แม้ว่าบริษัทเปิดเผยผลประกอบการไตรมาสแรกที่ดีเกินคาด

หุ้นทาร์เก็ต คอร์ป ร่วงลง 0.6% หลังจากบริษัทประกาศเพิ่มค่าแรงพนักงาน ภายหลังจากที่วอล์มาร์ท และทีเจเอ็กซ์ คอส ได้ปรับเพิ่มค่าแรงพนักงานไปแล้วก่อนหน้านี้

ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจอื่นๆของสหรัฐที่มีการเปิดเผยเมื่อช่วงค่ำวานนี้ตามเวลาไทยนั้น รวมถึงดัชนีภาวะธุรกิจในภูมิภาคมิด-แอตแลนติกชะลอตัวสู่ระดับ 5.0 ในเดือนมี.ค. จาก 5.2 ในเดือนก.พ. และดัชนีชี้นำเศรษฐกิจ Leading Economic Index (LEI) ประจำเดือนก.พ.เพิ่มขึ้น 0.2% สู่ระดับ 121.4 หลังจากเพิ่มขึ้น 0.2% และ 0.4% ในเดือนม.ค.และธ.ค.ตามลำดับ


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ