ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กแรงซื้อหุ้นเทคโนโลยี หนุนดาวโจนส์ปิดบวก 14.57 จุด

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday October 20, 2015 06:35 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (19 ต.ค.) เพราะได้แรงหนุนจากการที่นักลงทุนเข้าซื้อหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและกลุ่มเทคโนโลยีชีวภาพ อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นนิวยอร์กปรับตัวขึ้นในกรอบที่จำกัด เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจจีน หลังจากมีรายงานว่าตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ของจีนขยายตัวช้าลงในไตรมาส 3 ปีนี้

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 17,230.54 จุด เพิ่มขึ้น 14.57 จุด หรือ +0.08% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,905.47 จุด เพิ่มขึ้น 18.78 จุด หรือ +0.38% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,033.66 จุด เพิ่มขึ้น 0.55 จุด หรือ +0.03%

ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดในแดนบวก เนื่องจากนักลงทุนเข้าซื้อหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี โดยหุ้นแอปเปิลดีดตัวขึ้น 0.6% และหุ้นอินเทลปรับขึ้น 1.7% ทั้งนี้ หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีได้รับแรงหนุนจากข่าวการทำข้อตกลงซื้อกิจการในอุตสาหกรรมเทคโนโลยี ซึ่งรวมถึงข่าวที่ว่าบริษัทไมโครเซมิ คอร์ป เสนอซื้อกิจการบริษัทพีเอ็มซี-เซียร์รา อิงค์ เป็นวงเงินสูงถึง 2.4 พันล้านดอลลาร์

หุ้นไนกี้ ผู้ผลิตและจำหน่ายอุปกรณ์กีฬารายใหญ่ ปรับตัวขึ้น 2.1% หลังจากนักวิเคราะห์ของบีบีแอนด์ที แคปิตอล มาร์เก็ต ได้ปรับเพิ่มน้ำหนักความน่าลงทุนของหุ้นไนกี้ขึ้นสู่ระดับ "buy" จากเดิมที่ระดับ "hold"

นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงหนุนหลังจากสมาคมผู้สร้างบ้านแห่งชาติ (NAHB) ของสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้สร้างบ้านในเดือนต.ค.อยู่ที่ระดับ 64 ในเดือนต.ค. ซึ่งสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 62 และเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนต.ค.2005 โดยได้รับแรงหนุนจากการจ้างงานที่เพิ่มขึ้น และอัตราเงินกู้จำนองที่ระดับต่ำ

อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นนิวยอร์กปรับตัวขึ้นในกรอบที่จำกัด เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจจีน หลังจากมีรายงานว่า จีดีพีไตรมาส 3 ของจีนขยายตัวเพียง 6.9% เมื่อเทียบรายปี ซึ่งปรับตัวต่ำกว่า 7% เป็นครั้งแรกในรอบกว่า 6 ปี และสะท้อนให้เห็นว่าเศรษฐกิจของจีน ซึ่งใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลก กำลังอยู่ในภาวะชะลอตัว

หุ้นมอร์แกน สแตนลีย์ ร่วงลง 4.8% หลังจากมอร์แกน สแตนลีย์รายงานว่า ทางธนาคารมีกำไรลดลงสู่ระดับ 1.02 พันล้านดอลลาร์ในไตรมาส 3 หรือ 48 เซนต์ต่อหุ้น จากระดับ 1.69 พันล้านดอลลาร์ หรือ 83 เซนต์ต่อหุ้นในช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว

หุ้นกลุ่มพลังงานร่วงลงเช่นกัน หลังจากราคาน้ำมันดิบปรับตัวลดลง โดยหุ้นเอ็กซอนโมบิล และหุ้นเชฟรอน คอร์ป ปรับตัวลงอย่างน้อย 1.3% หุ้นเมอร์ฟีย์ ออยล์ คอร์ป ดีดตัวขึ้น 4.7% และหุ้นมาราธอน ออยล์ คอร์ป พุ่งขึ้นราว 4.8%

นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ รวมถึงตัวเลขการเริ่มสร้างบ้าน-การอนุญาตก่อสร้างเดือนก.ย., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกรายสัปดาห์, ดัชนีกิจกรรมการผลิตทั่วประเทศเดือนก.ย.จากเฟดชิคาโก, ยอดขายบ้านมือสองเดือนก.ย., ดัชนีชี้นำเศรษฐกิจเดือนก.ย.จาก Conference Board และดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเบื้องต้นเดือนต.ค.


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ