ดาวโจนส์เปิดบวกกว่า 50 จุด ขานรับราคาน้ำมันดีดตัว

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday April 12, 2016 20:50 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ตลาดหุ้นนิวยอร์กดีดตัวขึ้นในช่วงเปิดตลาดวันนี้ โดยนักลงทุนเมินผลประกอบการของอัลโค อิงค์ ที่ออกมาน่าผิดหวัง และหันไปขานรับราคาน้ำมันดิบ WTI ที่ดีดตัวขึ้น หลังจากมีรายงานว่าการผลิตน้ำมันจากชั้นหินดินดาน (shale oil) ในสหรัฐมีแนวโน้มปรับตัวลดลง

ณ เวลาประมาณ 20.45 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ปรับตัวขึ้น 58.76 จุด หรือ 0.33% แตะที่ 17,615 จุด

ด้านราคาน้ำมันดิบ WTI ปรับตัวขึ้นกว่า 0.7% ในการซื้อขายทางอิเล็กทรอนิกวันนี้ ต่อเนื่องจากเมื่อวานนี้ ภายหลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA) คาดการณ์ว่า การผลิตน้ำมันจาก 7 บริษัทผู้ผลิตน้ำมันจากชั้นหินดินดานของสหรัฐ จะลดลง 114,000 บาร์เรลต่อวัน ในเดือนพ.ค. จากระดับของเดือนเม.ย. นอกจากนี้ สัญญาน้ำมันดิบยังได้รับแรงหนุนหลังจากเบเกอร์ฮิวจ์ ซึ่งเป็นผู้ให้บริการด้านข้อมูลพลังงานในสหรัฐ รายงานว่า จำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันในสหรัฐปรับตัวลดลง 8 แท่น สู่ระดับ 354 แท่นในสัปดาห์ที่ผ่านมา

นักลงทุนจับตาดูการประชุมของประเทศผู้ผลิตน้ำมันในกลุ่มโอเปกและนอกกลุ่มโอเปก ในวันที่ 17 เม.ย.ที่เมืองโดฮา ประเทศกาตาร์ โดยการประชุมดังกล่าวมีเป้าหมายที่จะหารือกันเกี่ยวกับการจำกัดเพดานผลิตน้ำมัน เพื่อหนุนราคาน้ำมันให้ฟื้นตัวขึ้น

หุ้นอัลโค อิงค์ ร่วงลง 4.67% ในช่วงเปิดตลาดวันนี้ หลังจากบริษัทผู้ผลิตอลูมิเนียมรายใหญ่ของสหรัฐเปิดเผยหลังปิดตลาดวานนี้ว่า กำไรสุทธิของบริษัทในไตรมาสแรกปีนี้ทรุดฮวบลง 92% สู่ระดับ 16 ล้านดอลลาร์ จากไตรมาสแรกของปีที่แล้วที่ระดับ 195 ล้านดอลลาร์ โดยมีสาเหตุมาจากราคาอลูมิเนียมที่ปรับตัวลดลง

นอกจากนี้ อัลโค อิงค์ ยังได้ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของตลาดเครื่องบิน โดยคาดว่าจะขยายตัวราว 6%-8% เทียบกับที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ที่ 8%-9%

นักลงทุนรอดูการเปิดเผยผลประกอบการของหลายบริษัทในสัปดาห์นี้ ซึ่งรวมถึงเจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โค, ซิตี้กรุ๊ป และแบล็คร็อค อิงค์

นอกจากนี้ นักลงทุนยังรอดูการแสดงความคิดเห็นของนายแพทริค ฮาร์เกอร์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาฟิลาเดลเฟีย, นายจอห์น วิลเลียมส์ ประธานเฟดสาขาซานฟรานซิสโก และนายเจฟฟรีย์ แลคเกอร์ ประธานเฟดสาขาริชมอนด์ ในวันนี้ เพื่อจับสัญญาณว่า เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเมื่อใด

ในส่วนของข้อมูลเศรษฐกิจที่มีการเปิดเผยในวันนี้ ได้แก่ ราคานำเข้าและส่งออกเดือนมี.ค. ซึ่งกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ราคานำเข้าสินค้าปรับตัวขึ้น 0.2% ในเดือนมี.ค. ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นครั้งแรกในรอบ 9 เดือน หลังจากลดลง 0.4% ในเดือนก.พ.

ทั้งนี้ ราคานำเข้าปรับตัวขึ้นเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนมิ.ย.ปีที่แล้ว และเป็นการปรับตัวขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนพ.ค.ปีที่แล้ว อย่างไรก็ตาม แม้ปรับตัวขึ้นในเดือนที่แล้ว แต่ราคานำเข้าก็ยังอยู่ในระดับต่ำ โดยราคานำเข้าร่วงลงไปถึง 6.2% ในช่วงปีที่ผ่านมา

ขณะที่ราคานำเข้าสินค้าที่ไม่ใช่ปิโตรเลียมเดือนมี.ค. ลดลง 0.2% จากเดือนก่อนหน้า และลดลง 2.7% จากปีก่อน หากไม่รวมสินค้าประเภทพลังงานและอาหารที่มีความผันผวน ราคานำเข้าเดือนมี.ค. ลดลง 0.1% จากเดือนก.พ. และลดลง 2.3% จากเดือนมี.ค.ปีที่แล้ว

ขณะเดียวกัน กระทรวงแรงงานยังได้เปิดเผยว่า ราคาส่งออกทรงตัวในเดือนมี.ค. หลังจากที่ลดลง 0.5% ในเดือนก.พ. ขณะที่เมื่อเทียบรายปี ราคาส่งออกเดือนมี.ค. ร่วงลง 6.1%


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ