ตลาดหุ้นนิวยอร์กร่วงลงในวันนี้ หลังสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ดีดตัวขึ้นสูงสุดในรอบกว่า 3 ปี ซึ่งจะเป็นปัจจัยหนุนให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
ณ เวลา 20.42 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 17,631.54 จุด ลดลง 78.49 จุด หรือ 0.44%
หุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมดีดตัวสวนทางตลาดวันนี้ ขณะที่กลุ่มสาธารณูปโภคอ่อนตัวลง
กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนี CPI ดีดตัวขึ้น 0.4% ในเดือนเม.ย. เมื่อเทียบรายเดือน ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนก.พ.2013 จากการพุ่งขึ้นของราคาน้ำมัน และอาหาร
ก่อนหน้านี้ ดัชนี CPI ขยับขึ้น 0.1% ในเดือนมี.ค.
เมื่อเทียบรายปี ดัชนี CPI พุ่งขึ้น 1.1% ในเดือนเม.ย. หลังจากเพิ่มขึ้น 0.9% ในเดือนมี.ค.
นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่า ดัชนี CPI เพิ่มขึ้น 0.3% ในเดือนเม.ย. เมื่อเทียบรายเดือน และเพิ่มขึ้น 1.1% เมื่อเทียบรายปี
การเพิ่มขึ้นเกินคาดของดัชนี CPI บ่งชี้ว่า เฟดมีแนวโน้มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้
หากไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน ดัชนี CPI พื้นฐานขยับขึ้น 0.2% ในเดือนเม.ย. เมื่อเทียบรายเดือน หลังจากเพิ่มขึ้น 0.1% ในเดือนมี.ค.
เมื่อเทียบรายปี ดัชนี CPI พื้นฐานพุ่งขึ้น 2.1% ในเดือนเม.ย. หลังจากเพิ่มขึ้น 2.2% ในเดือนมี.ค.
หุ้นบริษัทโฮม ดีโปท์ ซึ่งเป็นบริษัทขายผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับบ้านรายใหญ่ที่สุดในโลก ดิ่งลงกว่า 2% ในวันนี้ และเป็นปัจจัยกดดันดัชนีดาวโจนส์ แม้มีการเปิดเผยผลประกอบการที่ดีเกินคาด
โฮม ดีโปท์ เปิดเผยว่า ทางบริษัทมีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 1.8 พันล้านดอลลาร์ หรือ 1.44 ดอลลาร์/หุ้นในไตรมาสแรก จากระดับ 1.58 พันล้านดอลลาร์ หรือ 1.21 ดอลลาร์/หุ้นในช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว
บริษัทระบุว่า มีรายได้ 2.276 หมื่นล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นจากระดับ 2.089 หมื่นล้านดอลลาร์จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว
ก่อนหน้านี้ นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า โฮม ดีโปท์จะมีกำไรสุทธิ 1.36 ดอลลาร์/หุ้น และมีรายได้ 2.239 หมื่นล้านดอลลาร์ในไตรมาสแรก
โฮม ดีโปท์ยังเปิดเผยว่า ยอดขายเพิ่มขึ้น 9% ในไตรมาสแรก โดยได้ปัจจัยหนุนจากสภาพอากาศที่แปรปรวนที่ทำให้ลูกค้ามีความต้องการซื้อสินค้ามากขึ้น