ตลาดหุ้นลอนดอนปรับตัวลงเมื่อคืนนี้ (19 พ.ค.) เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ภายหลังจากที่เฟดได้เปิดเผยรายงานการประชุมที่บ่งชี้ว่า กรรมการเฟดได้ส่งสัญญาณการขึ้นอัตราดอกเบี้ย
ดัชนี FTSE 100 ปิดปรับตัวลง 112.45 จุด หรือ 1.82% แตะที่ 6,053.35 จุด
ตลาดหุ้นลอนดอนได้รับแรงกดดันหลังจากคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เอฟโอเอ็มซี) เปิดเผยรายงานการประชุมประจำวันที่ 26-27 เม.ย. โดยระบุว่า เฟดอาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนมิ.ย. หากเศรษฐกิจสหรัฐฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง
"กรรมการเฟดส่วนใหญ่มีความเป็นตรงกันว่า หากมีข้อมูลบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจมีการขยายตัวได้ดีขึ้นในไตรมาส 2 รวมทั้งตลาดแรงงานมีความแข็งแกร่งอย่างต่อเนื่อง และเงินเฟ้อเริ่มเคลื่อนไหวใกล้ระดับเป้าหมายของเฟดที่ 2% การปรับอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น (fed funds rate) ในการประชุมเดือนมิ.ย.ก็ถือเป็นเรื่องที่เหมาะสม" รายงานการประชุมของเฟดระบุ
หุ้นกลุ่มท่องเที่ยวและสายการบินร่วงหนักเมื่อเทียบกับหุ้นกลุ่มอื่นๆ หลังเกิดเหตุการณ์เครื่องบินโดยสารของสายการบินอียิปต์แอร์ เที่ยวบิน MS804 สูญหายไปจากจอเรดาร์ ขณะเดินทางจากกรุงปารีสไปยังกรุงไคโร โดยรัฐมนตรีกระทรวงการบินของอียิปต์ระบุว่า มีแนวโน้มเกิดจากการโจมตีของกลุ่มก่อการร้าย มากกว่าที่จะเกิดจากเหตุขัดข้องทางเทคนิค
สายการบินอียิปต์แอร์ออกแถลงการณ์ว่า เที่ยวบิน MS804 มีผู้โดยสารอยู่บนเครื่อง 59 คน และลูกเรือ 10 คน โดยในขณะที่หายไปจากจอเรดาร์นั้น เครื่องบินอยู่ที่ระดับความสูง 37,000 ฟุต เหนือน่านฟ้าเมดิเตอร์เรเนียนทางตะวันออก และเครื่องบินขาดการติดต่อเมื่อเวลา 02.45 น.ตามเวลาไคโร (07.45 น.ตามเวลาไทย) เมื่อวานนี้
หุ้นทียูไอ ลดลง 2.4% หุ้นไอเอจี ลดลง 2.3% ขณะที่หุ้นอีซีเจ็ท ลดลง 1.8% หลังจากที่ได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นในการซื้อขายครั้งก่อนหน้า
ด้านหุ้นกลุ่มเหมืองแร่ก็ปรับตัวลดลงเช่นกัน หลังราคาโลหะได้รับแรงกดดันจากการแข็งค่าของเงินดอลลาร์สหรัฐ โดยหุ้นแองโกล อเมริกัน ลดลง 4.4% และหุ้นบีเอชพี ปรับตัวลดลง 3.4%