ดาวโจนส์ร่วงวันที่ 2 นักลงทุนหันถือบอนด์ หวั่นผลกระทบ Brexit

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday July 6, 2016 21:01 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ตลาดหุ้นนิวยอร์กเปิดแดนลบในวันนี้ โดยร่วงลงเป็นวันที่ 2 ขณะที่นักลงทุนหันเข้าถือครองพันธบัตรในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย ท่ามกลางความกังวลต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจ หลังจากที่อังกฤษลงประชามติออกจากสหภาพยุโรป (Brexit)

ณ เวลา 20.43 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 17,752.48 จุด ลบ 87.83 จุด หรือ 0.47%

หุ้นกลุ่มสื่อสารร่วงลงวันนี้ ขณะที่กลุ่มสาธารณูปโภคดีดตัวสวนทางตลาด

แรงซื้อพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ ส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปี และ 30 ปีดิ่งลงใกล้ระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ในวันนี้

นอกจากนี้ การร่วงลงของราคาน้ำมัน และตลาดหุ้นยุโรปในวันนี้เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่กดดันตลาดหุ้นวอลล์สตรีท

สัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้า WTI ร่วงลงในวันนี้ โดยปรับตัวลงเป็นวันที่ 3 ติดต่อกัน ขณะที่นักลงทุนวิตกต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจ หลังจากที่อังกฤษลงประชามติออกจากสหภาพยุโรป

ณ เวลา 20.22 น.ตามเวลาไทย สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ส่งมอบเดือนส.ค. ซึ่งมีการซื้อขายทางระบบอิเล็กทรอนิกส์ที่ตลาด NYMEX ลดลง 29 เซนต์ หรือ 0.62% สู่ระดับ 46.31 ดอลลาร์/บาร์เรล

นักลงทุนมีความระมัดระวังมากขึ้นต่อผลกระทบจากปัจจัย Brexit หลังจากพบว่าบริษัทประกันรายใหญ่ของอังกฤษได้ระงับการซื้อขายและการไถ่ถอนหน่วยลงทุนในกองทุนอสังหาริมทรัพย์สหราชอาณาจักรของทางบริษัท

บริษัทประกันรายใหญ่ 3 แห่งของอังกฤษ ซึ่งได้แก่ สแตนดาร์ด ไลฟ์, อวีว่า อินเวสเตอร์ส และเอ็มแอนด์จี อินเวสต์เมนท์ ได้ระงับการซื้อขายและการไถ่ถอนหน่วยลงทุนในกองทุนอสังหาริมทรัพย์สหราชอาณาจักรของทางบริษัท เพื่อป้องกันไม่ให้นักลงทุนไถ่ถอนสินทรัพย์ เนื่องจากทางบริษัทมีเงินสดไม่เพียงพอที่จะจ่ายคืนให้กับนักลงทุนได้ในทันที

บริษัททั้ง 3 แห่งได้ระงับการซื้อขายและการไถ่ถอนหน่วยลงทุนจากกองทุนของทางบริษัท คิดเป็นวงเงินรวมกันทั้งสิ้น 9.1 พันล้านปอนด์ (1.2 หมื่นล้านดอลลาร์) หลังจากที่สหราชอาณาจักรลงประชามติแยกตัวออกจากสหภาพยุโรป

กระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานวันนี้ว่า ตัวเลขการขาดดุลการค้าของสหรัฐเพิ่มขึ้น 10.1% ในเดือนพ.ค. สู่ระดับ 4.11 หมื่นล้านดอลลาร์ ขณะที่การพุ่งขึ้นของราคาน้ำมันผลักดันให้การนำเข้าเพิ่มขึ้น และการแข็งค่าของดอลลาร์เป็นปัจจัยฉุดการส่งออก

นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่า สหรัฐจะขาดดุลการค้าเพิ่มขึ้นสู่ 4.0 หมื่นล้านดอลลาร์ในเดือนพ.ค.

หากปรับค่าตามเงินเฟ้อ สหรัฐจะขาดดุลการค้าเพิ่มขึ้นสู่ 6.11 หมื่นล้านดอลลาร์ในเดือนพ.ค. เทียบกับระดับ 5.75 หมื่นล้านดอลลาร์ในเดือนเม.ย.

สหรัฐส่งออกสินค้าลดลง 0.2% สู่ระดับ 1.198 แสนล้านดอลลาร์ในเดือนพ.ค. ขณะที่ตัวเลขส่งออกสินค้าและบริการลดลง 0.2% สู่ระดับ 1.824 แสนล้านดอลลาร์

นอกจากนี้ สหรัฐนำเข้าสินค้าเพิ่มขึ้น 1.9% สู่ระดับ 1.821 แสนล้านดอลลาร์ ขณะที่ราคาน้ำมันเฉลี่ยอยู่ที่ 34.19 ดอลลาร์ในเดือนพ.ค. สูงสุดนับตั้งแต่เดือนธ.ค.ปีที่แล้ว เพิ่มขึ้นจากระดับ 29.48 ดอลลาร์ในเดือนเม.ย.

นักลงทุนยังจับตาตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐซึ่งจะมีการเปิดเผยในวันศุกร์นี้ โดยข้อมูลดังกล่าวจะบ่งชี้แนวโน้มการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกในปีนี้ ก่อนที่ธนาคารกลางสหรัฐจะประชุมกำหนดนโยบายการเงินในวันที่ 26-27 ก.ค.


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ