ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดขยับขึ้นเมื่อคืนนี้ (15 ก.ค.) โดยได้แรงหนุนจากข้อมูลเศรษฐกิจที่สดใสของสหรัฐ ซึ่งรวมถึงยอดค้าปลีกที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นมากกว่าการคาดการณ์ อย่างไรก็ตาม ดาวโจนส์ขยับขึ้นเพียงเล็กน้อย ท่ามกลางภาวะการซื้อขายที่ผันผวน เนื่องจากนักลงทุนเทขายทำกำไรหลังจากตลาดปิดพุ่งขึ้นติดต่อกันหลายวันทำการ
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 18,516.55 จุด เพิ่มขึ้น 10.14 จุด หรือ +0.05% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,029.59 จุด ลดลง 4.47 จุด หรือ -0.09% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,161.74 จุด ลดลง 2.01 จุด หรือ -0.09%
ตลาดหุ้นนิวยอร์กได้รับแรงหนุนจากข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐ โดยยอดค้าปลีกมิ.ย.ของสหรัฐเพิ่มขึ้น 0.6% ในเดือนมิ.ย. เมื่อเทียบรายเดือน ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นมากกว่าตัวเลขคาดการณ์ และเป็นการปรับตัวขึ้นเป็นเดือนที่ 3
ส่วนดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เพิ่มขึ้นเป็นเดือนที่ 4 ติดต่อกัน โดยปรับตัวขึ้น 0.2% ในเดือนมิ.ย. เมื่อเทียบรายเดือน เพราะได้แรงหนุนจากการใช้จ่ายของผู้บรืโภคในด้านพลังงาน, ที่อยู่อาศัย และการรักษาสุขภาพ
ด้านธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เปิดเผยว่า การผลิตภาคอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้น 0.6% ในเดือนมิ.ย. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนก.ค.2015 และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 0.2%
นอกจากนี้ เฟดสาขานิวยอร์ก ยังออกรายงานเมื่อวานนี้ว่า เศรษฐกิจสหรัฐมีแนวโน้มขยายตัว 2.61% ในไตรมาส 3 ซึ่งเป็นอัตราที่สูงกว่าเมื่อเทียบกับการประเมินในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งอยู่ที่ระดับ 2.31% หลังมีการเปิดเผยตัวเลขการผลิตภาคอุตสาหกรรมของสหรัฐที่เพิ่มขึ้นมากกว่าคาด
อย่างไรก็ตาม ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กเป็นไปอย่างซบเซา เนื่องจากนักลงทุนเทขายทำกำไรหลังจากตลาดพุ่งขึ้นติดต่อกันหลายวันทำการ โดยส่วนใหญ่ได้แรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ย รวมทั้งข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐ และราคาน้ำมันที่ฟื้นตัวขึ้น
หุ้นกลุ่มการเงินปรับตัวผันผวน โดยหุ้นซิตี้กรุ๊ป ปรับตัวลง 0.3% แม้ว่าธนาคารเปิดเผยตัวเลขกำไรและรายได้ประจำไตรมาส 2 ที่สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ ขณะที่หุ้นเวลส์ ฟาร์โก ดิ่งลง 2.5% หลังจากธนาคารเปิดเผยกำไรไตรมาส 2 ลดลง ส่วนหุ้นยูเอส แบงคอร์ป ดีดตัวขึ้น 1.6%
หุ้นกลุ่มธุรกิจเดินทางร่วงลง เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัย หลังจากที่เกิดเหตุโจมตีเมืองนีซในฝรั่งเศสซึ่งคร่าชีวิตประชาชนอย่างน้อย 80 คน โดยหุ้นรอยัล คาริบเบียน ครูส และหุ้นคานิวัล คอร์ป ต่างก็ร่วงลงอย่างน้อย 2.1% หุ้นเดลต้า แอร์ไลน์ ร่วงลง 2.4% หุ้นไพรซ์ไลน์ กรุ๊ป ปรับตัวลง 1.2%