ตลาดหุ้นนิวยอร์กเปิดแดนลบในวันนี้ โดยปรับตัวลงเป็นวันที่ 4 ติดต่อกัน จากความวิตกเกี่ยวกับการที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในสัปดาห์หน้า
ณ เวลา 20.34 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 17,999.02 จุด ลดลง 86.43 จุด หรือ 0.5%
ดัชนีดาวโจนส์ปิดทรุดตัวลงเกือบ 400 จุดเมื่อวันศุกร์ (9 ก.ย.) เนื่องจากนักลงทุนแห่เทขายหุ้น อันเนื่องมาจากความกังวลเกี่ยวกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดในการประชุมวันที่ 20-21 ก.ย. ภายหลังเจ้าหน้าที่ระดับสูงของเฟดได้ออกมาแสดงความเห็นในเรื่องนี้
ดัชนีดาวโจนส์ทำสถิติดิ่งลงในช่วง 2 วันทำการมากที่สุดนับตั้งแต่วันที่ 23 มิ.ย. ซึ่งเป็นวันที่อังกฤษทำประชามติแยกตัวออกจากสหภาพยุโรป
นอกจากนี้ เดือนนี้ยังนับเป็นเดือนที่ดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวย่ำแย่ที่สุดนับตั้งแต่เดือนม.ค.
นายเดนนิส ล็อคฮาร์ท ประธานเฟด สาขาแอตแลนตา กล่าวว่า สภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบันเป็นเหตุผลสนับสนุนให้เฟดควรทำการหารืออย่างจริงจังในการประชุมวันที่ 20-21 ก.ย.เกี่ยวกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
"ถ้าอัตราเงินเฟ้ออยู่ที่ 1.6% และอัตราว่างงานอยู่ที่ 4.9% คุณก็ลองคิดดูว่าอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 0.25-0.50% ยังคงมีความเหมาะสมหรือไม่" เขากล่าว
นายล็อคฮาร์ทระบุว่า จากการพิจารณาข้อมูลเศรษฐกิจในขณะนี้ และจากการติดต่อกับภาคธุรกิจในเขตแอตแลนตา ทำให้เขามั่นใจว่าการขยายตัวของการจ้างงานจะยังคงดำเนินไป และเงินเฟ้อจะปรับตัวขึ้นไปสู่เป้าหมายของเฟดที่ 2% ในที่สุด
คำกล่าวของนายล็อคฮาร์ทสอดรับกับท่าทีของเจ้าหน้าที่เฟดหลายรายที่สนับสนุนให้มีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในไม่ช้า
นายเอริค โรเซนเกรน ประธานเฟด สาขาบอสตัน กล่าวเตือนว่า เฟดเผชิญความเสี่ยงมากขึ้น หากชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยออกไปนานเกินไป
ส่วนนายโรเบิร์ต แคปแลน ประธานเฟด สาขาดัลลัส กล่าวว่า ปัจจัยที่สนับสนุนให้เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย กำลังมีน้ำหนักมากขึ้นในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา
นักลงทุนจับตาการกล่าวสุนทรพจน์ของนางลาเอล เบรนนาร์ด หนึ่งในคณะผู้ว่าการเฟด ในวันนี้ เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ทิศทางอัตราดอกเบี้ย
นางเบรนนาร์ดนับเป็นผู้ว่าการเฟดที่มีความเห็นสายพิราบ โดยที่ผ่านมามีท่าทีสนับสนุนให้เฟดชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย