ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (17 ต.ค.) หลังจากนายสแตนลีย์ ฟิสเชอร์ รองประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้ออกมาเตือนว่า อัตราดอกเบี้ยต่ำอาจนำไปสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอยที่รุนแรงและยาวนาน ซึ่งถ้อยแถลงดังกล่าวนับเป็นการส่งสัญญาณครั้งล่าสุดว่า เฟดมีแนวโน้มที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยก่อนสิ้นปีนี้ นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากราคาน้ำมันดิบที่ร่วงลงหลุดจากระดับ 50 ดอลลาร์/บาร์เรล
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 18,086.40 จุด ลดลง 51.98 จุด หรือ -0.29% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,199.82 จุด ลดลง 14.34 จุด หรือ -0.28% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,126.50 จุด ลดลง 6.48 จุด หรือ -0.30%
บรรยากาศการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กยังคงได้รับแรงกดดันจากกระแสคาดการณ์ที่ว่า เฟดอาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยก่อนสิ้นปีนี้ เมื่อพิจารณาจากการส่งสัญญาณล่าสุดของนายสแตนลีย์ ฟิสเชอร์ รองประธานเฟดซึ่งระบุว่า อัตราดอกเบี้ยต่ำอาจนำไปสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอยที่รุนแรงและยาวนาน อีกทั้งยังส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพทางการเงิน ถึงแม้ขณะนี้ยังไม่มีหลักฐานบ่งชี้ภัยคุกคามที่มากขึ้นจากภาวะไร้เสถียรภาพก็ตาม
นายฟิสเชอร์ยังกล่าวด้วยว่า เฟดกำลังเข้าใกล้เป้าหมายเกี่ยวกับการจ้างงานเต็มศักยภาพ และอัตราเงินเฟ้อที่ระดับ 2% ดังนั้นเฟดจึงยังไม่เดือดร้อนเกี่ยวกับนโยบายการเงินในขณะนี้
ทั้งนี้ ความคิดเห็นครั้งล่าสุดของนายฟิสเชอร์สวนทางกับถ้อยแถลงของนางเจเน็ต เยลเลน ประธานเฟด เมื่อวันศุกร์ ที่กล่าวว่า เฟดอาจจะต้องการผลักดันเศรษฐกิจที่มีแรงกดดันสูงด้วยการใช้อัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำ
นอกจากนี้ ตลาดหุ้นนิวยอร์กยังได้รับปัจจัยลบจากราคาน้ำมันที่ร่วงลงหลุดจากระดับ 50 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งได้ฉุดดัชนีหุ้นกลุ่มพลังงานปรับตัวลง 0.6%
หุ้นกลุ่มธุรกิจเพื่อผู้บริโภคปรับตัวลงเช่นกัน โดยหุ้น Amazon.com ร่วงลง 1.2% และหุ้นเน็ทฟลิกซ์ ดิ่งลง 1.6%
ส่วนหุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกา ขยับขึ้น 0.3% หลังจากธนาคารเปิดเผยตัวเลขรายได้ 2.164 หมื่นล้านดอลลาร์ และกำไร 4.45 พันล้านดอลลาร์ หรือ 41 เซนต์/หุ้นในไตรมาส 3 โดยกำไรพุ่งขึ้น 6.6% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว
ก่อนหน้านี้นักวิเคราะห์คาดการณ์รายได้ของแบงก์ ออฟ อเมริกา ที่ระดับ 2.096 หมื่นล้านดอลลาร์ และกำไร 34 เซนต์/หุ้นในไตรมาส 3
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐที่มีการเปิดเผยล่าสุดเมื่อคืนนี้ รายงานของเฟดระบุว่า การผลิตภาคอุตสาหกรรมขยับขึ้น 0.1% ในเดือนก.ย. สอดคล้องกับการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ หลังจากที่ปรับตัวลดลง 0.5% ในเดือนส.ค. โดยการผลิตภาคอุตสาหกรรมของสหรัฐยังคงได้รับผลกระทบจากการแข็งค่าของดอลลาร์ และการดิ่งลงของราคาน้ำมัน
นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจอื่นๆที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ ซึ่งได้แก่ ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนก.ย., ดัชนีตลาดที่อยู่อาศัยเดือนต.ค.จากสมาคมผู้สร้างบ้านแห่งชาติ (NAHB), ตัวเลขการเริ่มสร้างบ้าน-การอนุญาตก่อสร้างเดือนก.ย., รายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจ หรือ Beige Book ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด), จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และยอดขายบ้านมือสองเดือนก.ย.