ดาวโจนส์ปรับฐาน หลังพุ่งแรงวานนี้ นักลงทุนลุ้นผลเลือกตั้งสหรัฐ

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday November 8, 2016 21:54 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ตลาดหุ้นนิวยอร์กเปิดแดนลบในวันนี้ โดยตลาดปรับฐาน หลังจากที่ทะยานขึ้นอย่างมากเมื่อวานนี้ ขณะที่นักลงทุนไม่ต้องการซื้อขายล็อตใหญ่ ขณะจับตาผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ

ณ เวลา 21.34 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 18,215.91 จุด ลดลง 43.69 จุด หรือ 0.24%

หุ้นโกลด์แมน แซคส์ถ่วงตลาดลงมากที่สุดในวันนี้

ตลาดการเงินทั่วโลกได้ปรับตัวรับคาดการณ์เกี่ยวกับการได้รับชัยชนะของนางฮิลลารี คลินตัน ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐจากพรรคเดโมแครต หลังจากสำนักงานสอบสวนกลางสหรัฐ (FBI) ยืนยันว่าไม่พบหลักฐานใหม่ที่จะทำให้มีการดำเนินคดีอาญาต่อนางฮิลลารี

นอกจากนี้ ตลาดยังคาดว่าพรรครีพับลิกันจะยังคงครองเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎร ขณะที่พรรคเดโมแครตจะครองเสียงข้างมากในวุฒิสภา

ในวันนี้ นอกจากชาวสหรัฐที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไปจะออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งประธานาธิบดีแล้ว พวกเขายังจะทำการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรทั้งสภาจำนวน 435 คน และเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภาจำนวน 1 ใน 3 ของทั้งหมด หรือจำนวน 33 คน จากทั้งหมด 100 คน โดยการเลือกตั้งประธานาธิบดีจะมีขึ้นทุก 4 ปี และการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาจะมีขึ้นทุก 2 ปี

ขณะเดียวกัน ชาวสหรัฐยังออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งเจ้าหน้าที่ของรัฐจำนวนหลายพันคนทั่วประเทศ ซึ่งรวมถึงผู้ว่าการรัฐ และผู้พิพากษา ส่งผลให้การเลือกตั้งในวันนี้ ถือเป็นการเดิมพันครั้งสำคัญต่อทั้งพรรคเดโมแครต และรีพับลิกัน เนื่องจากจะเป็นการชี้เป็นชี้ตายสำหรับผู้สมัครของพรรคในการเข้าไปนั่งเก้าอี้ในทำเนียบขาว และการครองอำนาจในสภาคองเกรส รวมทั้งการเป็นผู้ว่าการรัฐ

นอกจากนี้ บางรัฐอาจพ่วงการทำประชามติในประเด็นต่างๆที่กำลังเป็นที่สนใจภายในรัฐให้ประชาชนลงคะแนนเสียงในวันนี้เช่นเดียวกัน เช่น การควบคุมอาวุธปืน หรือสิทธิของกลุ่มรักร่วมเพศ

ผลสำรวจครั้งสุดท้ายของ Reuters/Ipsos States of the Nation ระบุว่า นางฮิลลารีมีโอกาสถึง 90% ที่จะชนะนายทรัมป์ในศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐในวันนี้ และขึ้นเป็นประธานาธิบดีสหรัฐคนที่ 45

ผลสำรวจระบุว่า โอกาสได้รับชัยชนะของนางฮิลลารียังคงใกล้เคียงกับการสำรวจในสัปดาห์ที่แล้ว และหากนายทรัมป์ต้องการได้รับชัยชนะ เขาก็จะต้องได้รับคะแนนเสียงจำนวนมากจากกลุ่มคนผิวขาว คนผิวสี และชาวฮิสแปนิกใน 6-7 รัฐ

นอกจากนี้ คะแนนนิยมของนางฮิลลารียังคงเหนือกว่านายทรัมป์ที่ระดับ 45% ต่อ 42% และนางฮิลลารียังมีแนวโน้มได้รับคะแนนเสียงจากคณะผู้เลือกตั้งสูงถึง 303 เสียง โดยมากกว่าระดับ 270 เสียงที่จำเป็นต้องได้รับเพื่อให้ได้รับชัยชนะในการเลือกตั้ง ขณะที่นายทรัมป์มีแนวโน้มได้รับคะแนนเสียงจากคณะผู้เลือกตั้งเพียง 235 เสียง

ขณะนี้ ทุกคูหาเลือกตั้งในสหรัฐได้เปิดให้ชาวอเมริกันผู้มีสิทธิลงคะแนนสามารถเข้าไปใช้สิทธิแล้ว โดยรัฐนอร์ธ แคโรไลนาจะเป็นรัฐแรกๆ ที่จะมีการนับคะแนนเลือกตั้ง ซึ่งจะรู้ผลในพรุ่งนี้เช้าตามเวลาไทย โดยคะแนนในรัฐดังกล่าวมีแนวโน้มที่จะบ่งชี้ทิศทางของผลการเลือกตั้งในครั้งนี้ โดยหากนางฮิลลารีได้รับชัยชนะในนอร์ธ แคโรไลนา ก็จะเป็นสัญญาณบ่งบอกว่าชาวแอฟริกัน-อเมริกันได้พากันออกมาใช้สิทธิเลือกตั้งมากเหมือนกับในปี 2012 ซึ่งขณะนั้น ประธานาธิบดีบารัค โอบามา สามารถเอาชนะนายมิตต์ รอมนีย์ คู่แข่งจากพรรครีพับลิกัน

ขณะเดียวกัน สำหรับรัฐฟลอริดา ซึ่งมีคะแนนคณะผู้เลือกตั้งถึง 29 เสียง หากนางฮิลลารีชนะการเลือกตั้งในรัฐนี้ ก็จะทำให้ต้องการชัยชนะอีกเพียง 1 รัฐ จากรัฐที่เป็น swing-state ซึ่งไม่เป็นฐานเสียงของพรรคใด ซึ่งได้แก่ รัฐโอไฮโอ มิชิแกน และเพนซิลเวเนีย ขณะที่นายทรัมป์ต้องการชัยชนะในทั้ง 3 รัฐดังกล่าว

หากนายทรัมป์พ่ายแพ้ใน 2 ใน 3 รัฐต่อไปนี้ ซึ่งได้แก่ ฟลอริดา มิชิแกน และเพนซิลเวเนีย ก็จะแทบเป็นการยืนยันชัยชนะของนางฮิลลารี

นอกจากนี้ หากนายทรัมป์ต้องการคว้าชัยชนะในศึกเลือกตั้งครั้งนี้ เขาก็จะต้องคาดหวังให้กลุ่มฐานเสียงซึ่งเป็นชาวผิวขาวออกมาใช้สิทธิให้มากกว่าในปี 2012 และยังต้องให้ชาวแอฟริกัน-อเมริกัน รวมทั้งชาวฮิสแปนิกออกมาลงคะแนนเสียงไม่มากนัก เนื่องจาก 2 กลุ่มดังกล่าวถือเป็นฐานเสียงสำคัญของนางฮิลลารี


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ