ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กดาวโจนส์ปิดลบ 54.92 จุด หลังจนท.เฟดหนุนขึ้นดอกเบี้ย

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday November 17, 2016 06:46 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (16 พ.ย.) หลังจากนายเจมส์ บูลลาร์ด ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาเซนต์หลุยส์ ได้ออกมาสนับสนุนให้เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนหน้า นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากการปรับฐานลงของหุ้นกลุ่มธนาคาร หลังจากที่หุ้นกลุ่มดังกล่าวทะยานขึ้นติดต่อกันหลายวัน อันเนื่องมาจากความหวังที่ว่า นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐ จะครอบคลุมถึงการลดกฎข้อบังคับในภาคธนาคาร

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 18,868.14 จุด ลดลง 54.92 จุด หรือ -0.29% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,294.58 จุด เพิ่มขึ้น 18.96 จุด หรือ +0.36% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,176.94 จุด ลดลง 3.45 จุด หรือ -0.16%

ตลาดหุ้นนิวยอร์กเข้าสู่ภาวะพักฐานในการซื้อขายเมื่อคืนนี้ หลังจากที่ทำสถิติพุ่งขึ้นติดต่อกัน 7 วันทำการก่อนหน้านี้ ขณะเดียวกันตลาดได้รับแรงกดดันจากการที่เจ้าหน้าที่ระดับสูงของเฟดได้ออกมาสนับสนุนให้มีการปรับขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมเดือนหน้า

นายเจมส์ บูลลาร์ด ประธานเฟดสาขาเซนต์หลุยส์กล่าวเมื่อวานนี้ว่า หากเฟดไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนหน้า ก็ถือเป็นเรื่องที่น่าประหลาดใจ พร้อมระบุว่า การที่เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพียงหนึ่งครั้งในการประชุมเดือนหน้า ก็อาจเป็นการเพียงพอแล้วที่จะทำให้อัตราดอกเบี้ยของเฟดปรับตัวสู่ระดับเป็นกลาง

นายบูลลาร์ดยังกล่าวด้วยว่า เหตุผลเดียวที่จะทำให้เฟดระงับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมวันที่ 13-14 ธ.ค. ก็คือการที่ตลาดการเงินโลกเกิดความผันผวนอย่างรุนแรง หรือสหรัฐรายงานตัวเลขการจ้างงานที่ย่ำแย่อย่างมาก

ตลาดยังแรงกดดันจากการปรับตัวลงของหุ้นกลุ่มธนาคาร โดยหุ้นเจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โค ดิ่งลงหนักสุดถึง 2.5% ขณะที่หุ้นมอร์แกน สแตนลีย์ ร่วงลง 2%

ก่อนหน้านี้ หุ้นกลุ่มธนาคารพุ่งขึ้นติดต่อกันหลายวัน หลังจากมีการคาดการณ์ว่า นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของนายทรัมป์จะครอบคลุมถึงการลดกฎระเบียบในภาคการธนาคาร ซึ่งรวมถึงการปรับกฎหมายดอดด์แฟรงค์ (Dodd Frank Law) และกฎโวล์คเกอร์ (Volker Rule) ซึ่งเป็นกฎหมายควบคุมภาคธนาคาร รวมทั้งจะมีการปรับกฎระเบียบอื่นๆที่ได้บังคับใช้ตลอดช่วง 8 ปีที่ผ่านมา

นอกจากนี้ ข้อมูลเศรษฐกิจที่ซบเซายังส่งผลให้บรรยากาศการซื้อขายซบเซาลงด้วย โดยรายงานของเฟดระบุว่า ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมของสหรัฐทรงตัวในเดือนต.ค. สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.2% ขณะที่สมาคมผู้สร้างบ้านแห่งชาติ (NAHB) ของสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้สร้างบ้านเดือนพ.ย.อยู่ในระดับทรงตัวเช่นกัน

อย่างไรก็ตาม หุ้นกลุ่มเทคโนโลยียังคงปรับตัวขึ้น และช่วยหนุนดัชนี NASDAQ ปิดในแดนบวก โดยหุ้นแอปเปิล พุ่งขึ้น 2.8% หลังจากมีรายงานว่า แอปเปิลจะเพิ่มอุปกรณ์ smart glasses เอาไว้ในผลิตภัณฑ์ของบริษัท ขณะที่หุ้นเอ็นวีเดีย พุ่งขึ้น 6.3% หลังจากมีรายงานว่าทางบริษัทจะจับมือเป็นพันธมิตรกับไมโครซอฟท์ ส่วนหุ้นลิงค์อิน ปรับตัวขึ้น 1.3%

นักลงทุนจับตานางเจเน็ต เยลเลน ประธานเฟด ซึ่งจะเข้าแถลงต่อคณะกรรมาธิการเศรษฐกิจร่วมของสภาคองเกรสในวันนี้ เพื่อแสดงมุมมองเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจสหรัฐ โดยในการประชุมระหว่างนางเยลเลนและคณะกรรมาธิการดังกล่าว ยังจะบ่งชี้ท่าทีของพรรครีพับลิกันในความพยายามจำกัดอำนาจของเฟด

นอกจากนี้ ตลาดยังจับตาข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในวันนี้ ซึ่งได้แก่ จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, อัตราเงินเฟ้อเดือนต.ค., ตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านเดือนต.ค. และดัชนีการผลิตเดือนพ.ย.จากเฟดฟิลาเดลเฟีย


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ