ตลาดหุ้นนิวยอร์กเปิดแดนบวกในวันนี้ ขณะที่ดัชนีดาวโจนส์ดีดตัวแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ครั้งใหม่
ณ เวลา 21.37 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 19,123.92 จุด เพิ่มขึ้น 40.81 จุด หรือ 0.22%
ดัชนีดาวโจนส์มีแนวโน้มปรับตัวขึ้นเป็นสัปดาห์ที่ 3 ติดต่อกัน
หุ้นกลุ่มสาธารณูปโภคดีดตัวนำตลาด ขณะที่กลุ่มพลังงานดิ่งลงตามราคาน้ำมันที่ปรับตัวลง
หุ้น 3M ช่วยหนุนตลาดมากที่สุดในวันนี้
คาดว่าวอลุ่มการซื้อขายจะเป็นไปอย่างเบาบาง เนื่องจากตลาดจะเปิดทำการซื้อขายเพียงครึ่งวัน หลังจากที่ปิดทำการวานนี้ เนื่องในวันขอบคุณพระเจ้า
นักลงทุนจะจับตาหุ้นกลุ่มค้าปลีก โดยคาดว่าบริษัทในกลุ่มดังกล่าวจะดีดตัวขึ้น โดยได้รับอานิสงส์จากยอดขายที่พุ่งขึ้นในวันแบล็กฟรายเดย์
ทั้งนี้ ร้านค้าและห้างสรรพสินค้าในสหรัฐได้เปิดทำการวันนี้ในวันแบล็กฟรายเดย์ ซึ่งเป็นวันหนึ่งที่ลูกค้าจะเข้าซื้อสินค้าอย่างคึกคักที่สุดในรอบปี นอกเหนือจากเทศกาลคริสต์มาส โดยได้รับแรงจูงใจจากข้อเสนอลดราคาสินค้า และโปรโมชั่นมากมาย
ขณะเดียวกัน ห้างเมซีส์, วอลมาร์ท, ทาร์เก็ต และห้างสรรพสินค้าอีกหลายแห่งได้เปิดทำการตั้งแต่เมื่อเย็นวานนี้ แม้เป็นวันหยุดเนื่องในวันขอบคุณพระเจ้า โดยหวังเป็นการสร้างธรรมเนียมใหม่สำหรับการช็อปปิ้งสินค้าในช่วงวันหยุด
สินค้ายอดฮิตที่ได้รับความสนใจจากผู้บริโภคได้แก่ โทรทัศน์, เครื่องใช้ไฟฟ้า, โทรศัพท์มือถือ และสัตว์เลี้ยงอิเลกทรอนิกส์ ซึ่งเป็นไข่ที่จะฟักเป็นตัวลูกเจี๊ยบ หากได้รับความใส่ใจจากเจ้าของ
สัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้า WTI ปรับตัวลงในวันนี้ ขณะที่นักลงทุนไม่มั่นใจว่า กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) จะสามารถปรับลดกำลังการผลิตมากพอที่จะลดปริมาณน้ำมันที่ล้นตลาดได้หรือไม่
นอกจากนี้ การที่บริษัทซาอุดิ อารามโคจะเพิ่มการส่งมอบน้ำมันไปยังลูกค้าในเอเชียในเดือนม.ค.ปีหน้า และการที่จีนนำเข้าน้ำมันดิบในเดือนต.ค.ในระดับที่ต่ำที่สุดนับตั้งแต่เดือนม.ค. ก็ได้เป็นปัจจัยลบต่อตลาด
ณ เวลา 20.07 น.ตามเวลาไทย สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ส่งมอบเดือนม.ค. ซึ่งมีการซื้อขายทางระบบอิเล็กทรอนิกส์ที่ตลาด NYMEX ลดลง 41 เซนต์ หรือ 0.85% สู่ระดับ 47.55 ดอลลาร์/บาร์เรล
นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าโอเปกและรัสเซียจะสามารถบรรลุข้อตกลงปรับลดกำลังการผลิตในการประชุมวันที่ 30 พ.ย. แต่ก็ไม่แน่ใจว่าการลดกำลังการผลิตดังกล่าวจะเพียงพอที่จะช่วยลดปริมาณน้ำมันที่ล้นตลาดได้หรือไม่