ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กดาวโจนส์ปิดบวก 35.54 จุด รับหุ้นแบงก์พุ่ง,ข้อมูลศก.สดใส

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday December 7, 2016 06:38 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (6 ธ.ค.) โดยดาวโจนส์ปิดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ หลังจากสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง ซึ่งรวมถึงยอดสั่งซื้อภาคโรงงานที่พุ่งขึ้นสูงสุดในรอบกว่า 1 ปี นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงหนุนจากการฟื้นตัวของหุ้นกลุ่มธนาคาร อันเนื่องมาจากมุมมองที่ว่า นโยบายเศรษฐกิจของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐ จะเอื้ออำนวยต่อภาคธนาคาร

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 19,251.78 จุด เพิ่มขึ้น 35.54 จุด หรือ +0.18% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,333.00 จุด เพิ่มขึ้น 24.11 จุด หรือ +0.45% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,212.23 จุด เพิ่มขึ้น 7.52 จุด หรือ +0.34%

ตลาดหุ้นนิวยอร์กได้รับแรงหนุนจากข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐ โดยเมื่อช่วงค่ำวานนี้ตามเวลาไทย กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดสั่งซื้อภาคโรงงานของสหรัฐพุ่งขึ้น 2.7% ในเดือนต.ค. ซึ่งปรับตัวขึ้นแข็งแกร่งสุดนับตั้งแต่เดือนมิ.ย.2015 หรือในรอบเกือบ 1 ปีครึ่ง และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 2.6%

ขณะที่กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ประสิทธิภาพการผลิตของแรงงานนอกภาคเกษตร เพิ่มขึ้นมากที่สุดในรอบ 2 ปีในไตรมาส 3 โดยพุ่งขึ้นในอัตรา 3.1% ส่วนผลผลิตต่อแรงงานพุ่งขึ้น 3.6% ซึ่งเพิ่มขึ้นมากที่สุดในรอบ 2 ปี

หุ้นกลุ่มธนาคารปรับตัวขึ้น เนื่องจากนักลงทุนยังคงเชื่อมั่นว่า นโยบายเศรษฐกิจของทรัมป์จะช่วยฟื้นฟูภาคธนาคารให้กลับมาแข็งแกร่งอีกครั้ง โดยดัชนีหุ้นกลุ่มธนาคารที่จดทะเบียนใน S&P500 พุ่งขึ้นเกือบ 1% ขณะที่หุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกา หุ้นซิตี้กรุ๊ป และหุ้นโกลด์แมน แซคส์ ต่างก็ปิดตลาดปรับตัวขึ้นถ้วนหน้า ส่วนหุ้นธนาคารเวลส์ ฟาร์โก พุ่งขึ้นกว่า 2% หลังจากซีอีโอของธนาคารได้แสดงความเชื่อมั่นว่า ธนาคารจะสามารถทำกำไรได้ในระยะใกล้นี้

หุ้นกลุ่มสื่อสารดีดตัวขึ้นเช่นกัน โดยหุ้นเอทีแอนด์ที พุ่งขึ้น 1.9% หลังจากบริษัทเปิดเผยว่า รายการ "DirectTV Now" ซึ่งเป็นบริการสตรีมมิ่งทีวี ได้รับการตอบรับที่ดีเกินคาด ขณะที่หุ้นเวริซอน ดีดขึ้น 1.2% หลังจากบริษัทตัดขายธุรกิจด้านข้อมูลบางส่วนให้กับอิควินิกซ์ มูลค่า 3.6 พันล้านดอลลาร์

หุ้นสปรินท์ และหุ้นที-โมบาย ซึ่งอยู่ในกลุ่มสื่อสารด้วยนั้น ต่างก็ปรับตัวขึ้นกว่า 1.5% หลังจากนายทรัมป์เปิดเผยว่า ซอฟต์แบงก์ ซึ่งเป็นบริษัทสื่อสารของญี่ปุ่นและเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ในบริษัทสปรินท์ จะลงทุนมูลค่ากว่า 5 หมื่นล้านดอลลาร์ในสหรัฐ ซึ่งทำให้เกิดการจ้างงานมากกว่า 50,000 อัตราในช่วง 4 ปีข้างหน้า

หุ้นโบอิ้งปิดเกือบทรงตัว หลังจากที่ร่วงลงกว่า 1% ในระหว่างวัน ภายหลังจากนายทรัมป์ทวิตข้อความระบุว่า ต้นทุนในการสร้างเครื่องบินประจำตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐ หรือแอร์ฟอร์ซวัน ซึ่งเป็นโบอิ้ง 747 มีราคาแพงเกินไป และขู่ว่าจะยกเลิกคำสั่งซื้อเครื่องบินจากโบอิ้ง

อย่างไรก็ตาม บรรยากาศการซื้อขายเป็นไปอย่างระมัดระวัง เนื่องจากมีกระแสคาดการณ์ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในสัปดาห์หน้า โดยผลสำรวจของ CME Group FedWatch ระบุว่า นักลงทุนคาดการณ์ว่ามีโอกาส 93% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมวันที่ 13-14 ธ.ค.

นักลงทุนจับตาการประชุมของธนาคารกลางยุโรป (ECB) ในวันพรุ่งนี้ พร้อมกับติดตามดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้เช่นกัน ซึ่งรวมถึงจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานประจำสัปดาห์, ความเชื่อมั่นผู้บริโภคเบื้องต้นเดือนธ.ค.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน และสต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งเดือนต.ค.


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ