ตลาดหุ้นนิวยอร์กดีดตัวขึ้นในวันนี้ โดยดัชนีดาวโจนส์พุ่งขึ้นกว่า 150 จุด หลังจากที่ร่วงลงเมื่อคืนนี้จากการที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีมติเอกฉันท์ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย พร้อมกับส่งสัญญาณการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วขึ้นในปีหน้า
ทั้งนี้ เฟดประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นอีก 0.25% ในการประชุมเมื่อวานนี้ พร้อมกับคาดการณ์ว่าจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 3 ครั้งในปีหน้า โดยเพิ่มขึ้นจากจำนวน 2 ครั้งที่มีการคาดการณ์ในเดือนก.ย.
ณ เวลา 23.18 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 19,945.57 จุด เพิ่มขึ้น 153.04 จุด หรือ 0.77%
หุ้นกลุ่มการเงินพุ่งขึ้นนำตลาดในวันนี้ โดยหุ้นโกลด์แมน แซคส์หนุนตลาดขึ้นมากที่สุด
นายนาอีม อัสลาม หัวหน้านักวิเคราะห์ของธิงค์ มาร์เก็ต กล่าวว่า "ดูเหมือนว่าการทะยานขึ้นนี้ยังคงมีแรงหนุนต่อไป และการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดก็ไม่สามารถมาขัดขวางได้ ซึ่งข้อมูลความเชื่อมั่นของผู้สร้างบ้านได้ยืนยันว่าตลาดบ้านมีความแข็งแกร่ง ขณะนี้สายตาทุกคู่กำลังมองไปที่ระดับ 20,000 จุด ขณะที่ตลาดกำลังอยู่ในภาวะกระทิง"
นักลงทุนปรับตัวรับการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจจำนวนมากในคืนนี้
สมาคมผู้สร้างบ้านแห่งชาติ (NAHB) ของสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้สร้างบ้านพุ่งขึ้น 7 จุด แตะระดับ 70 จุดในเดือนธ.ค. โดยเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนก.ค.2005
ดัชนีความเชื่อมั่นไม่เคยพุ่งขึ้น 7 จุดภายในเดือนเดียวในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา
ผู้สร้างบ้านมีความเชื่อมั่นมากขึ้น เนื่องจากคาดว่านายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐ จะใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ และลดกฎระเบียบในภาคอุตสาหกรรมตามที่เขาได้สัญญาไว้
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขขาดดุลบัญชีเดินสะพัดลดลงในไตรมาส 3 สู่ระดับ 1.130 แสนล้านดอลลาร์ แต่ยังสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 1.116 แสนล้านดอลลาร์
ก่อนหน้านี้ สหรัฐขาดดุลบัญชีเดินสะพัด 1.183 แสนล้านดอลลาร์ในไตรมาส 2 ขณะที่ไตรมาส 1 ขาดดุล 1.318 แสนล้านดอลลาร์
ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาฟิลาเดลเฟีย เปิดเผยดัชนีภาวะธุรกิจในภูมิภาคมิด-แอตแลนติก พุ่งขึ้นสู่ระดับ 21.5 ในเดือนธ.ค. สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 9% หลังจากอยู่ที่ระดับ 7.6 ในเดือนพ.ย.
ดัชนีที่อยู่ต่ำกว่า 0 บ่งชี้ถึงภาวะหดตัว หากอยู่เหนือระดับ 0 บ่งชี้ภาวะขยายตัว
ส่วนเฟดสาขานิวยอร์ค รายงานวันนี้ว่า ดัชนีภาคการผลิต (Empire State Index) มีการขยายตัวอย่างมากในเดือนธ.ค. ขณะที่ได้แรงหนุนจากการทะยานขึ้นของคำสั่งซื้อใหม่
ทั้งนี้ ดัชนีภาคการผลิตพุ่งขึ้นสู่ระดับ 9.0 ในเดือนธ.ค. จากระดับ 1.5 ในเดือนพ.ย.
ดัชนีที่อยู่ต่ำกว่าระดับ 0 บ่งชี้ภาวะหดตัว ขณะที่เหนือระดับ 0 บ่งชี้ถึงภาวะขยายตัว
กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ปรับตัวขึ้น 0.2% ในเดือนพ.ย. หลังจากดีดตัวขึ้น 0.4% ในเดือนต.ค. โดยได้แรงหนุนจากค่าเช่าที่พุ่งขึ้น ขณะที่ราคาน้ำมันชะลอตัวลง และราคาอาหารเพิ่มขึ้นไม่มากนัก
กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลง 4,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว สู่ระดับ 254,000 ราย ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 255,000 ราย หลังจากอยู่ที่ระดับ 258,000 รายในสัปดาห์ก่อนหน้านี้