ตลาดหุ้นลอนดอนปิดปรับตัวเพิ่มขึ้นเมื่อวานนี้ (10 ม.ค.) โดยดัชนี FTSE 100 ปิดบวกต่อเนื่อง 11 วันทำการ และทำสถิติปิดที่ระดับสูงสุดติดต่อกัน 9 วันทำการ ด้วยปัจจัยจากการอ่อนค่าลงของเงินปอนด์ ซึ่งหนุนหุ้นกลุ่มบริษัทข้ามชาติให้ปรับตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่ง
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดเพิ่มขึ้น 37.70 จุด หรือ 0.52% แตะที่ 7,275.47 จุด
ดัชนี FTSE 100 ยังได้แรงหนุนจากการที่เงินปอนด์อ่อนค่าลงอย่างต่อเนื่อง ภายหลังจากนางเทเรซา เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ แสดงจุดยืนที่ชัดเจนในระหว่างการให้สัมภาษณ์ต่อสื่อท้องถิ่นว่า เธอจะผลักดันกระบวนการแยกตัวออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) ต่อไป และอังกฤษจะไม่เข้าร่วมตลาดร่วมยุโรปอย่างแน่นอน เพื่อที่ว่าอังกฤษจะได้มีสิทธิ์อย่างเต็มที่ในการควบคุมการตรวจคนเข้าเมือง
หุ้นกลุ่มซูเปอร์มาร์เก็ตปรับตัวขึ้นกันถ้วนหน้า หลังนีลเส็น โฮมสแกน ซึ่งเป็นบริษัทวิจัยชั้นนำของโลก เปิดเผยรายงานการสำรวจว่า ห้างซูเปอร์มาร์เก็ตในอังกฤษมียอดขายในช่วงเทศกาลวันหยุดที่ดีที่สุดในรอบ 4 ปี
หุ้นหุ้นเทสโก้ พุ่งขึ้น 6% หุ้นดับเบิลยูเอ็ม มอร์ริสัน ซูเปอร์มาร์เก็ต พุ่งขึ้น 3.6% และหุ้นเจ เซนส์บิวรี เพิ่มขึ้น 1.6%.
หุ้นกลุ่มเหมืองแร่ปรับตัวขึ้น โดยหุ้นแองโกล อเมริกัน พุ่งขึ้น 7.2% หุ้นริโอ ตินโต พุ่งขึ้น 5.1% และหุ้นแอนโตฟากาสตา เพิ่มขึ้น 2.7%
นักลงทุนจับตาดูการแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนอย่างเป็นทางการครั้งแรกของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐ ในวันพุธที่ 11 ม.ค. ตามเวลาสหรัฐ