ตลาดหุ้นลอนดอนปิดดีดตัวขึ้นเมื่อวานนี้ (18 ม.ค.) หลังจากที่ร่วงลงมากที่สุดในรอบ 6 เดือนเมื่อวันอังคาร สืบเนื่องจากถ้อยแถลงของนางเทเรซา เมย์ นายกรัฐมนตรีของอังกฤษเกี่ยวกับแผนการแยกตัวออกจากสหภาพยุโรป (Brexit)
ดัชนี FTSE 100 เพิ่มขึ้น 27.23 จุด หรือ 0.38% ปิดที่ 7,247.61 จุด
ดัชนีฟุตซี่ได้ร่วงลง 1.5% เมื่อวันอังคาร ซึ่งเป็นการลดลงหนักที่สุดนับตั้งแต่วันที่ 27 มิ.ย. 2559 เนื่องจากได้รับแรงกดดันจากค่าเงินปอนด์ที่ทะยานขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐและยูโร ภายหลังจากที่นางเมย์ได้เปิดเผยรายละเอียดแผน Brexit
อย่างไรก็ตาม การที่เงินปอนด์เริ่มอ่อนค่าลงเมื่อวานนี้ ได้เป็นปัจจัยบวกต่อบรรดาบริษัทผู้ส่งออกที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ลอนดอน โดยบริษัทเหล่านี้สามารถทำผลกำไรในต่างประเทศได้เพิ่มขึ้นจากอานิสงส์ของอัตราแลกเปลี่ยน
หุ้นบริษัทข้ามชาติ เช่น หุ้นเบอร์เบอร์รี กรุ๊ป บริษัทผู้ค้าปลีกสินค้าหรูรายใหญ่ เพิ่มขึ้น 3.6% หลังจากที่ร่วงลง 2.7% ในวันก่อนหน้า หลังบริษัทเผยยอดขายในไตรมาส 3 ปีที่แล้ว เพิ่มขึ้น 3% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้า ซึ่งสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้
อย่างไรก็ตาม ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นลอนดอนในวันพุธมีปัจจัยลบจากหุ้นบางกลุ่มเข้ามาสกัดทำให้ฟุตซี่ปิดขยับขึ้นเพียงเล็กน้อย โดยหุ้นเพียร์สันดิ่งลง 29.08% หลังบริษัทผู้ผลิตสื่อการเรียนเตือนว่า เงินปันผลและผลกำไรอาจลดลงในอนาคต เนื่องจากความต้องการที่ซบเซาในสหรัฐ
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจของอังกฤษที่มีการเปิดเผยออกมานั้น สำนักงานสถิติแห่งชาติของอังกฤษเปิดเผยว่า จำนวนคนว่างงานในประเทศลดลง 52,000 คน ในช่วงเดือนก.ย.-พ.ย.ปีที่แล้ว ซึ่งเป็นระดับต่ำที่สุดนับตั้งแต่ช่วงต้นปี 2549 โดยที่ค่าจ้างแรงงานทั้งที่รวมและไม่รวมเงินโบนัสต่างๆปรับตัวขึ้นมากกว่าคาดการณ์ที่ระดับ 2.6%