ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กดาวโจนส์ปิดลบ 19.04 จุด เหตุราคาน้ำมันร่วง,วิตกนโยบาย "ทรัมป์"

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday February 7, 2017 06:38 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (6 ก.พ.) หลังจากราคาน้ำมันดิบร่วงลงราว 1.5% ซึ่งฉุดหุ้นกลุ่มพลังงานดิ่งลงด้วย นอกจากนี้ นักลงทุนยังกังวลเกี่ยวกับนโยบายของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ โดยเฉพาะนโยบายห้ามพลเมืองจาก 7 ชาติมุสลิมเดินทางเข้าสหรัฐ

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 20,052.42 จุด ลดลง 19.04 จุด หรือ -0.09% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,663.55 จุด ลดลง 3.22 จุด หรือ -0.06% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,292.56 จุด ลดลง 4.86 จุด หรือ -0.21%

ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กได้รับแรงกดดันจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับนโยบายของประธานาธิบดีทรัมป์ที่กีดกันพลเมืองจาก 7 ชาติมุสลิมไม่ให้เดินทางเข้าสหรัฐ โดยนโยบายดังกล่าวได้นำไปสู่ความขัดแย้งระหว่างคณะบริหารของทรัมป์และฝ่ายตุลาการ

ทั้งนี้ ศาลอุทธรณ์สหรัฐได้ปฏิเสธคำร้องขอของรัฐบาลที่ต้องการให้ศาลยกเลิกคำสั่งให้ระงับมาตรการห้ามผู้ลี้ภัยและประชาชนจาก 7 ประเทศมุสลิมเดินทางเข้าประเทศ

ทางด้านนายไมค์ เพนซ์ รองประธานาธิบดีสหรัฐเปิดเผยว่า คณะบริหารของประธานาธิบดีทรัมป์จะใช้ข้อกฎหมายในทุกๆด้าน เพื่อพลิกคำตัดสินของศาลที่ได้ระงับคำสั่งของประธานาธิบดีทรัมป์ ในการห้ามประชาชนจาก 7 ชาติมุสลิมเดินทางเข้าประเทศ ซึ่งได้แก่อิรัก ซีเรีย อิหร่าน ลิเบีย โซมาเลีย ซูดาน และเยเมน

ข้อพิพาทเกี่ยวกับการใช้นโยบายกีดกันพลเมืองมุสลิมได้ลุกลามออกไปเป็นวงกว้าง โดยบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่เกือบ 100 แห่งทั่วสหรัฐ ซึ่งรวมถึงแอปเปิล อัลฟาเบท เฟซบุ๊ก และไมโครซอฟท์ ได้รวมตัวกันเพื่อใช้ข้อกฎหมายคัดค้านคำสั่งดังกล่าวของประธานาธิบดีทรัมป์ โดยระบุว่าเป็นการละเมิดรัฐธรรมนูญแห่งสหรัฐ

นักวิเคราะห์กล่าวว่า นอกจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับนโยบายของทรัมป์แล้ว ตลาดหุ้นนิวยอร์กยังได้รับปัจจัยลบจากการที่นักลงทุนเทขายทำกำไร หลังจากดัชนีดาวโจนส์ทะยานขึ้นเกือบ 200 จุดและทำสถิติปิดเหนือ 20,000 จุดอีกครั้งเมื่อวันศุกร์ ภายหลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรพุ่งขึ้น 227,000 ตำแหน่งในเดือนม.ค. สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 175,000 ตำแหน่ง

ดัชนีหุ้นกลุ่มพลังงานปรับตัวลง หลังจากราคาน้ำมันดิบ WTI ร่วงลงราว 1.5% เมื่อคืนนี้

หุ้นทิฟฟานี แอนด์ โค ดิ่งลง 2.5% หลังจากนายเฟดเดอริค คูเมนัล ผู้บริหารของบริษัทได้ประกาศลาออกจากตำแหน่ง ขณะที่หุ้นไทสัน ฟู้ดส์ ร่วงลง 2.5% หลังจากบริษัทเปิดเผยผลประกอบการที่น้อยกว่าตัวเลขคาดการณ์

นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐที่จะมีการเปิดเผยในสัปดาห์นี้ ซึ่งได้แก่ ดุลการค้าเดือนธ.ค., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, สต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งเดือนธ.ค., ราคานำเข้าและส่งออกเดือนม.ค. และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเบื้องต้นเดือนก.พ.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ