ตลาดหุ้นนิวยอร์กเปิดแดนบวกในวันนี้ ขณะที่ดัชนีดาวโจนส์พุ่งขึ้นเกือบ 100 จุด ทะลุระดับ 20,100 จุด ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ขานรับการเปิดเผยตัวเลขผลประกอบการ และตัวเลขขาดดุลการค้าของสหรัฐที่น้อยกว่าที่คาดไว้
ทั้งนี้ บริษัทจดทะเบียนของสหรัฐมากกว่า 65% รายงานผลประกอบการในไตรมาส 4 สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้
ณ เวลา 21.44 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 20,138.05 จุด เพิ่มขึ้น 85.63 จุด หรือ 0.43%
หุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมพุ่งขึ้นนำตลาดวันนี้ ขณะที่หุ้นโบอิ้งทะยานขึ้นมากที่สุดในการซื้อขายช่วงแรก
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานวันนี้ว่า ตัวเลขการขาดดุลการค้าของสหรัฐลดลงมากกว่าคาดในเดือนธ.ค. ขณะที่การส่งออกพุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบ 18 เดือน
ทั้งนี้ สหรัฐมีตัวเลขขาดดุลการค้าลดลง 3.2% ในเดือนธ.ค. สู่ระดับ 4.43 หมื่นล้านดอลลาร์ หลังจากเพิ่มขึ้น 2 เดือนติดต่อกัน
นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่าสหรัฐจะมีตัวเลขขาดดุลการค้าลดลงสู่ระดับ 4.50 หมื่นล้านดอลลาร์ในเดือนธ.ค.
สหรัฐส่งออกสินค้าและบริการเพิ่มขึ้น 2.7% สู่ระดับ 1.907 แสนล้านดอลลาร์ในเดือนธ.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนเม.ย.2015 ขณะที่นำเข้าสินค้าและบริการเพิ่มขึ้น 1.5% สู่ระดับ 2.350 แสนล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค.2015
เจเนอรัล มอเตอร์ (GM) บริษัทรถยนต์ยักษ์ใหญ่ของสหรัฐ เปิดเผยกำไร และรายได้พุ่งขึ้นเกินคาดในไตรมาส 4 ขณะที่ยอดขายรถยนต์ทะยานขึ้นในสหรัฐ และจีน
ทั้งนี้ GM เปิดเผยว่า มีกำไร 1.28 ดอลลาร์/หุ้นในไตรมาส 4 เมื่อเทียบกับ 1.17 ดอลลาร์/หุ้นที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้
นอกจากนี้ GM ยังเปิดเผยว่ามีรายได้รวม 4.391 หมื่นล้านดอลลาร์ เทียบกับ 4.153 หมื่นล้านดอลลาร์ที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้
นายแพทริค ฮาร์เกอร์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาฟิลาเดลเฟีย กล่าวว่า เฟดควรพิจารณาปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมเดือนหน้า หากว่าการจ้างงานและค่าจ้างแรงงานยังคงมีการขยายตัวต่อไป
ทั้งนี้ เฟดจะประชุมกำหนดนโยบายการเงินครั้งต่อไปในวันที่ 14-15 มี.ค.
นอกจากนี้ นายฮาร์เกอร์ ซึ่งเป็นกรรมการเฟดที่มีสิทธิลงคะแนนเสียงในคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ในปีนี้ ยังระบุว่า เขาสนับสนุนการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 3 ครั้งในปีนี้ หากเศรษฐกิจมีการปรับตัวตามที่คาดการณ์ไว้