ตลาดหุ้นยุโรปปิดปรับตัวขึ้นต่อเนื่องเป็นวันที่สี่ในวันศุกร์ (10 ก.พ.) เนื่องจากนักลงทุนมีมุมมองที่เป็นบวก หลังจีนเปิดเผยข้อมูลการค้าแข็งแกร่ง ขณะที่บริษัทต่างๆ เผยผลประกอบการสดใส
ดัชนี Stoxx Europe 600 ปรับตัวขึ้น 0.60 จุด หรือ 0.16% ปิดที่ 367.39 จุด สำหรับทั้งสัปดาห์ ดัชนีปรับตัวขึ้น 0.9%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศส เพิ่มขึ้น 2.08 จุด หรือ 0.04% ปิดที่ 4,828.32 จุด ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันเพิ่มขึ้น 24.11 จุด หรือ 0.21% ปิดที่ 11,666.97 จุด ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอน เพิ่มขึ้น 29.25 จุด หรือ 0.40% ปิดที่ 7,258.75 จุด
หุ้นบริษัทเหมืองแร่รายใหญ่พุ่งแรง หลังราคาโลหะดีดตัว เพราะได้อานิสงส์จากการเปิดเผยข้อมูลการค้าประจำเดือนธ.ค.ของจีน ซึ่งเป็นผู้ใช้ทรัพยากรธรรมชาติรายใหญ่ของโลก การที่ข้อมูลจีนออกมาดีนั้นสะท้อนว่าเศรษฐกิจของประเทศอาจขยายตัวดี ซึ่งปัจจัยดังกล่าวเป็นผลดีต่อภาคสินค้าโภคภัณฑ์
สำนักงานศุลกากรจีน (GAC) เปิดเผยวานนี้ว่า ยอดส่งออกเดือนม.ค.ขยายตัว 15.9% เทียบรายปี ขณะที่ยอดนำเข้าพุ่งขึ้น 25.2%
ส่วนมูลค่าการค้าต่างประเทศของจีนในเดือนม.ค.อยู่ที่ระดับ 2.18 ล้านล้านหยวน (ราว 4.822 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ) เพิ่มขึ้น 19.6% เทียบรายปี
ข้อมูลดังกล่าวส่งผลให้ยอดเกินดุลการค้าเดือนม.ค.ของจีนอยู่ที่ระดับ 3.5453 แสนล้านหยวน ลดลง 2.7% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว
หุ้นกลุ่มเหมืองแร่ต่างปรับตัวขึ้นคึกคัก นำโดยริโอ ทินโต บวก 5.77% แองโกล อเมริกัน บวก 4.4% อันโตฟากัสตา เพิ่มขึ้น 3.53% เกลนคอร์ เพิ่มขึ้น 2.77% และบีเอชพี บิลลิตัน เพิ่มขึ้น 2.39%
หุ้นเรกคิทท์ เบนคีเซอร์ บริษัทสินค้าอุปโภคบริโภค ร่วง 2.96% หลังบรรลุข้อตกลงซื้อกิจการบริษัท มี้ด จอห์นสัน ผู้ผลิตนมผงสำหรับเด็ก ในวงเงิน 1.66 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือหุ้นละ 90 ดอลลาร์ สำหรับการซื้อกิจการครั้งนี้คาดว่าจะเสร็จสิ้นภายในไตรมาส 3 ปีนี้ โดยบริษัทหวังว่าการเข้าซื้อธุรกิจมี้ด จอห์นสัน จะช่วยให้เรกคิทท์ เบนคีเซอร์สามารถรุกคืบขยายธุรกิจในจีน
ทั้งนี้ เรกคิทท์ เบนคีเซอร์ เป็นเจ้าของแบรนด์ถุงยางอนามัย Durex และสเปรย์ทำความสะอาด Lysol ขณะที่มี้ด จอห์นสันเป็นผู้ผลิตนมผงเด็ก Enfamil
หุ้นอาร์เซลอร์ มิตตัล พุ่ง 9.3% หลังผู้ผลิตเหล็กรายใหญ่ของโลกจากลักเซมเบิร์ก พลิกกลับมาทำกำไรในไตรมาสสุดท้ายของปีที่แล้ว พร้อมเผยแผนเพิ่มการลงทุน ขณะที่บริษัทคาดการณ์ว่า ปริมาณการใช้เหล็กกล้าทั่วโลกมีแนวโน้มจะขยายตัวอยู่ในช่วง 0.5-1.5% ในปี 2560 หลังจากที่ขยายตัว 1.0% ในปีที่แล้ว
หุ้นเคอริง กลุ่มธุรกิจสินค้าหรูของฝรั่งเศส บวก 2.6% หลังบริษัทเผยยอดขายแบรนด์ Gucci และ Saint Laurent แข็งแกร่ง ซึ่งช่วยหนุนให้บริษัทมีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 17% ในปีที่แล้ว
ในส่วนของข้อมูลเศรษฐกิจที่มีการเปิดเผยวานนี้ สำนักงานสถิติแห่งชาติ (ONS) ของสหราชอาณาจักร เปิดเผยว่า ตัวเลขการขาดดุลการค้าของสหราชอาณาจักรในเดือนธ.ค.ลดลงสู่ระดับ 1.089 หมื่นล้านปอนด์ จากระดับ 1.155 หมื่นล้านปอนด์ในเดือนพ.ย.
ตัวเลขขาดดุลการค้าในเดือนธ.ค.ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 1.150 หมื่นล้านปอนด์
นอกจากนี้ ONS ยังเปิดเผยในวันเดียวกันว่า การผลิตภาคอุตสาหกรรมของสหราชอาณาจักรมีการขยายตัว 1.1% ในเดือนธ.ค. และเพิ่มขึ้น 4.3% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2558
ขณะที่มูดี้ส์ อินเวสเตอร์ เซอร์วิส สถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือระหว่างประเทศ ออกมาเตือนว่า ภาวะชะงักงันในการเจรจาระหว่างยูโรโซน และกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) เกี่ยวกับการให้ความช่วยเหลือทางการเงินต่อกรีซ จะส่งผลกระทบต่ออันดับความน่าเชื่อถือของกรีซ
มูดี้ส์ระบุว่า ภาวะชะงักงันดังกล่าวได้เพิ่มความเสี่ยงในการจัดการเลือกตั้งในกรีซ รวมทั้งความเสี่ยงในการที่จะต้องมีการเจรจาโครงการหนี้กับกรีซอีกครั้งหนึ่ง
ด้านสแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ (S&P) สถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือระหว่างประเทศ เตือนว่า ยูโรอาจล่มสลาย หากรัฐบาลฝรั่งเศสชุดใหม่ทำการแปลงหนี้สาธารณะมูลค่า 1.7 ล้านล้านยูโรเป็นสกุลเงินฟรังก์ฝรั่งเศส
ทั้งนี้ มีการคาดการณ์กันว่าหากพรรค National Front (FN) ซึ่งเป็นพรรคการเมืองชูนโยบายประชานิยมขวาจัด และหนุนให้ฝรั่งเศสแยกตัวจากสหภาพยุโรป ประสบชัยชนะในการเลือกตั้ง ทางพรรคก็จะผลักดันการแปลงสกุลเงินของพันธบัตรฝรั่งเศสจากยูโรเป็นฟรังก์ฝรั่งเศส
นางมารีน เลอเปน ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีจากพรรค FN กล่าวก่อนหน้านี้ว่า ตนจะทำการแปลงสกุลเงินของพันธบัตรฝรั่งเศสราว 80% จากยูโรเป็นฟรังก์ฝรั่งเศส
S&P เตือนว่า การดำเนินการดังกล่าวจะส่งผลให้เกิดการผิดนัดชำระหนี้ครั้งใหญ่เป็นประวัติการณ์ และจะทำให้สกุลเงินยูโรล่มสลาย