ดาวโจนส์พักฐาน หลังทำนิวไฮ 11 วัน จับตา"ทรัมป์""แถลงคองเกรสเช้าวันพุธ 09.00 น.

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday February 27, 2017 22:09 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ตลาดหุ้นนิวยอร์กปรับฐานในวันนี้ หลังจากดัชนีดาวโจนส์ทำสถิติปิดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ติดต่อกัน 11 วันทำการ ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ยาวนานที่สุดนับตั้งแต่ปี 1992 ขณะที่นักลงทุนจับตาประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งจะกล่าวสุนทรพจน์ต่อสภาคองเกรสสหรัฐในคืนวันพรุ่งนี้เวลา 21.00 น.ตามเวลาสหรัฐ หรือตรงกับช่วงเช้าวันพุธเวลา 09.00 น.ตามเวลาไทย

ณ เวลา 21.43 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 20,779.26 จุด ลดลง 42.50 จุด หรือ 0.20%

หุ้นกลุ่มสินค้าผู้บริโภคดิ่งลงนำตลาดวันนี้ ขณะที่หุ้นพรอคเตอร์ แอนด์ แกมเบิล ร่วงลงมากที่สุดในการซื้อขายช่วงแรก

นักวิเคราะห์คาดว่า ปธน.ทรัมป์จะเปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับมาตรการปรับลดอัตราภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาและภาษีเงินได้นิติบุคคลในการแถลงต่อสภาคองเกรส

ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 9 ก.พ. ปธน.ทรัมป์ระบุว่า เขาจะประกาศแผนการปรับลดภาษีครั้งใหญ่ "ในช่วง 2-3 สัปดาห์ข้างหน้า" ซึ่งนักวิเคราะห์ระบุว่า การกล่าวปราศรัยของปธน.ทรัมป์ต่อสภาคองเกรสในวันที่ 28 ก.พ.จะตรงกับช่วงเวลา 2-3 สัปดาห์ที่เขาได้สัญญาไว้

นอกจากมาตรการปฏิรูปภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา และนิติบุคคลแล้ว ยังมีการคาดการณ์ว่าปธน.ทรัมป์จะเปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับการจัดเก็บภาษีนำเข้าสินค้าข้ามชายแดน, การยกเลิกกฎระเบียบในภาคอุตสาหกรรม และการใช้จ่ายงบประมาณในโครงการสาธารณูปโภค รวมทั้งการใช้จ่ายงบประมาณด้านกลาโหมครั้งใหญ่ในวันดังกล่าวเช่นกัน

ปธน.ทรัมป์กล่าวว่า เขาจะปรับปรุงแสนยานุภาพในกองทัพสหรัฐ ทั้งในเชิงรุก และเชิงรับ ด้วยการใช้จ่ายงบประมาณจำนวนมาก ซึ่งจะทำให้กองทัพสหรัฐใหญ่ขึ้น และดีขึ้นกว่าก่อน

นอกจากนี้ ปธน.ทรัมป์ได้ส่งสัญญาณว่า เขาอาจกล่าวถึงการปฏิรูปกฎหมายประกันสุขภาพที่เรียกว่า "โอบามาแคร์" ในการแถลงต่อสภาคองเกรส

การกล่าวสุนทรพจน์ของปธน.ทรัมป์ต่อสภาคองเกรสในครั้งนี้ ซึ่งเป็นการประชุมร่วมระหว่างวุฒิสภาและสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ และจะมีการถ่ายทอดสดทางโทรทัศน์ต่อชาวสหรัฐทั่วประเทศนั้น ได้มีขึ้นตามคำเชิญของนายพอล ไรอัน ประธานรัฐสภาสหรัฐ โดยจะเป็นการกล่าวแถลงต่อสภาคองเกรสเป็นครั้งแรกของนายทรัมป์ นับตั้งแต่ที่เขาดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี

การแถลงของปธน.ทรัมป์ต่อสภาคองเกรสในครั้งนี้จะไม่ถือเป็นการแถลงนโยบายประจำปี (State of the Union) ต่อรัฐสภา แต่เป็นประเพณีปฏิบัติสำหรับประธานาธิบดีสหรัฐที่เพิ่งเข้าดำรงตำแหน่งที่จะเข้าแถลงต่อสภาในช่วงเดือนแรกๆในการปฏิบัติหน้าที่

ทางด้านกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยในวันนี้ว่า ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนของสหรัฐ เช่น เครื่องบิน รถยนต์ และเครื่องจักรขนาดใหญ่ที่มีอายุการใช้งานตั้งแต่ 3 ปีขึ้นไป ฟื้นตัวขึ้นในเดือนม.ค. โดยปรับตัวขึ้น 1.8% หลังจากร่วงลง 0.8% ในเดือนธ.ค.

นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่ายอดสั่งซื้อสินค้าคงทนจะเพิ่มขึ้น 1.7% ในเดือนม.ค.

การดีดตัวขึ้นของยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนได้รับแรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของอุปสงค์ในภาคการขนส่ง โดยเฉพาะคำสั่งซื้อเครื่องบินพาณิชย์ที่ทะยานขึ้น 69.9%

อย่างไรก็ดี ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนพื้นฐาน ซึ่งเป็นคำสั่งซื้อสินค้าทุนที่ไม่รวมเครื่องบิน และเป็นสิ่งบ่งชี้แผนการใช้จ่ายของภาคธุรกิจ ลดลง 0.4% ในเดือนม.ค. สวนทางตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.5% ในเดือนม.ค.


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ