ตลาดหุ้นลอนดอนปิดทะยานขึ้นกว่า 100 จุดเมื่อคืนนี้ (1 มี.ค.) ด้วยแรงหนุนจากหุ้นกลุ่มบลูชิพและการที่ค่าเงินปอนด์ร่วงลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์ สืบเนื่องจากกระแสคาดการณ์เป็นวงกว้างว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีแนวโน้มสูงที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายในเดือนนี้
ดัชนี FTSE 100 เพิ่มขึ้น 119.46 จุด หรือ 1.64% ปิดที่ 7,382.90 จุด
ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นลอนดอน ได้แรงหนุนจากหุ้นกลุ่มบลูชิพ ด้วยอานิสงส์จากการที่เงินปอนด์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์ ด้วยแรงกดดันของกระแสคาดการณ์ที่ว่า เฟดอาจจะปรับขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมเดือนนี้ โดยค่าเงินปอนด์ร่วงลง 1.23 ดอลลาร์ในการซื้อขายระหว่างวัน
กระแสคาดการณ์ดังกล่าวก่อตัวขึ้น หลังเจ้าหน้าที่เฟดหลายคนออกมาส่งสัญญาณสนับสนุนให้ปรับขึ้นดอกเบี้ยในเร็วๆนี้ โดยนายเจมส์ บูลลาร์ด ประธานเฟด สาขาเซนต์หลุยส์ กล่าวว่า เมื่อพิจารณาจากแนวโน้มเศรษฐกิจซึ่งเขาคาดว่าจะขยายตัวราว 2% และอัตราเงินเฟ้อที่คาดว่าจะขยายตัวราว 2% ในปีนี้ การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนมี.ค.ถือเป็นแนวคิดที่ดี นอกจากนี้ นายวิลเลียม ดัดลีย์ ประธานเฟดสาขานิวยอร์ก ก็ได้ออกมาส่งสัญญาณสนับสนุนการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเช่นกัน ส่งผลให้โอกาสที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมนี้ เพิ่มขึ้นเป็น 70%
นายแจสเปอร์ ลอว์เลอร์ นักวิเคราะห์จากลอนดอน แคปิตอล กรุ๊ป กล่าวว่า "ถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่เฟดและคำกล่าวสุนทรพจน์ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐที่สภาคองเกรสเมื่อวานนี้ ได้หนุนให้ดัชนีตลาดหุ้นสหรัฐพุ่งทะยานขึ้นอย่างแข็งแกร่งเมื่อคืนนี้ และหนุนค่าเงินดอลลาร์พุ่งขึ้นเมื่อเทียบกับปอนด์"
หุ้นกลุ่มที่ปรับตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่งเมื่อคืนนี้ ประกอบด้วยหุ้นเบอร์เบอร์รี กรุ๊ป พุ่งขึ้น 2.7% หุ้นบริติช อเมริกัน โทแบคโค พุ่ง 1.6% และหุ้นอิมพีเรียล แบรนด์ส เพิ่มขึ้น 1.2%
นักวิเคราะห์กล่าวเสริมด้วยว่า นักลงทุนจับตาดูสภาสามัญชนอังกฤษ ซึ่งจะลงมติว่าเห็นชอบในร่างกฎหมาย Brexit หรือไม่ โดยการลงมติมีขึ้นภายหลังจากที่ตลาดหุ้นได้ปิดทำการแล้ว