ตลาดหุ้นเอเชียเคลื่อนไหวทั้งในแดนบวกและลบในการซื้อขายภาคบ่ายวันนี้ ขณะที่การซื้อขายซบเซา ภายหลังจากที่นักลงทุนผิดหวังกับการประชุม G20 ที่แถลงการณ์ร่วมไม่ได้ระบุถึงจุดยืนเรื่องนโยบายกีดกันทางการค้า รวมทั้งการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่างกันของประธานธนาคารกลางสหรัฐสาขาต่างๆเกี่ยวกับแนวโน้มการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย นอกจากนี้ นักลงทุนยังรอดูการประชุมร่วมกันระหว่างนายชินโซ อาเบะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น และสหภาพยุโรปในวันนี้ว่า จะมีการทำข้อตกลงใดๆหรือไม่
ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียปิดภาคเช้าที่ 1,752.77 จุด เพิ่มขึ้น 3.36 จุด +0.19% ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงปิดภาคเช้าที่ 24,558.82 จุด เพิ่มขึ้น 56.83 จุด, +0.23% ดัชนี SENSEX ตลาดหุ้นอินเดียเปิดวันนี้ที่ 29,525.88 จุด เพิ่มขึ้น 7.14 จุด, +0.02%
เมื่อวานนี้ นายชาร์ลส์ อีแวนส์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาชิคาโก กล่าวในวันนี้ว่า เฟดกำลังดำเนินไปในแนวทางที่ถูกต้องสำหรับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 2 ครั้งในปีนี้ หลังจากที่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งแรกของปีนี้เมื่อวันพุธที่ผ่านมา
นายอีแวนส์ยังระบุว่า การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไปของเฟดจะรุนแรงแค่ไหน จะขึ้นอยู่กับภาวะเงินเฟ้อ และนโยบายการคลังของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์
นายนีล แคชคารี ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขามินนีอาโพลิส ซึ่งเป็นกรรมการนโยบายการเงินของเฟด (FOMC) เพียงคนเดียวที่ลงคะแนนเสียงคัดค้านมติของคณะกรรมการในการประชุมสัปดาห์ที่แล้ว กล่าวว่า การที่เขาลงมติไม่เห็นด้วย ก็เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อยังคงอยู่ต่ำกว่าระดับเป้าหมายของเฟดที่ 2% และตลาดแรงงานยังคงมีความแข็งแกร่ง
สำหรับความเคลื่อนไหวทางการเมืองในฝั่งยุโรปนั้น กระทรวงว่าด้วยการแยกตัวออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) ของอังกฤษ แถลงว่า นางเทเรซา เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ จะประกาศใช้มาตรา 50 ของสนธิสัญญาลิสบอนของสหภาพยุโรป (EU) ในวันที่ 29 มี.ค.
ทั้งนี้ การประกาศมาตรา 50 จะส่งผลให้อังกฤษเริ่มต้นกระบวนการเจรจาเป็นเวลา 2 ปีเพื่อแยกตัวออกจากสหภาพยุโรป
กระทรวง Brexit เปิดเผยว่า นายทิม แบร์โรว์ ซึ่งเป็นตัวแทนของอังกฤษใน EU ได้แจ้งให้นายโตนัลด์ ทัสค์ ประธานสภายุโรป รับทราบถึงเรื่องดังกล่าวแล้วเมื่อวานนี้
นักลงทุนในตลาดการเงินจับตาการกล่าวสุนทรพจน์ของนางเจเน็ต เยลเลน ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันพฤหัสบดีนี้ ในการประชุมซึ่งจัดขึ้นโดยเฟดสาขาชิคาโก ภายใต้หัวข้อ "Strong Foundations: The Economic Futures of Kids and Communities" เพื่อหาสัญญาณที่ชัดเจนเกี่ยวกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งต่อไปในปีนี้ หลังจากที่คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ของธนาคารกลางสหรัฐ ได้ประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น 0.25% สู่ระดับ 0.75-1.00% ในการประชุมเมื่อวันที่ 15 มี.ค.ที่ผ่านมา