ตลาดหุ้นลอนดอนปิดในแดนลบเมื่อคืนนี้ (22 มี.ค.) จากแรงฉุดของหุ้นกลุ่มธนาคารที่ปรับตัวลงกันถ้วนหน้า เนื่องจากนักลงทุนเกิดความวิตกว่า การดำเนินมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ อาจประสบความล่าช้า
ดัชนี FTSE 100 ลดลง 53.62 จุด, -0.73% ปิดที่ 7,324.72 จุด
ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นลอนดอนเมื่อวานนี้ได้รับแรงกดดันจากการเทขายของนักลงทุน เนื่องจากนักลงทุนเกิดความวิตกในนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจและนโยบายการปฏิรูปของปธน.ทรัมป์ หลังจากที่เขาประสบปัญหาในการรวบรวมเสียงสนับสนุนของสมาชิกพรรครีพับลิกันในสภาคองเกรสในการยกเลิกโครงการ "โอบามา แคร์"
นอกจากนี้นักลงทุนยังหันมาประเมินภาพรวมของนโยบายการเงินของอังกฤษใหม่อีกครั้ง โดยเฉพาะในเรื่องแนวโน้มการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) หลังจากที่สำนักงานสถิติแห่งชาติอังกฤษรายงานว่า เงินเฟ้อของอังกฤษพุ่งขึ้นสูงกว่าเป้าหมาย 2% ของ BoE
ขณะที่นักวิเคราะห์ตลาดมองว่า เหตุการณ์โจมตีใกล้กับอาคารรัฐสภาอังกฤษในช่วงบ่ายวานนี้ ไม่ได้สร้างปฏิกิริยาตื่นตระหนกในตลาดหุ้นลอนดอนเมื่อวานนี้
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจกรุงลอนดอนยืนยันว่า มีผู้เสียชีวิต 5 ราย และบาดเจ็บ 40 ราย จากเหตุการณ์ที่มีผู้ขับรถยนต์พุ่งเข้าใส่ฝูงชนบนสะพานเวสต์มินสเตอร์เมื่อวานนี้ นอกจากนี้ ได้เกิดเหตุกราดยิงด้านนอกอาคารรัฐสภาในกรุงลอนดอน
หุ้นกลุ่มธนาคารปรับตัวลง โดยหุ้นบาร์เคลย์ส ร่วงลง 2.4% หุ้นเอชเอสบีซี โฮลดิ้งส์ ลดลง 1.2% หุ้นลอยด์ แบงกิ้ง กรุ๊ป ลดลง 1.6% หุ้นรอยัล แบงก์ ออฟ สกอตแลนด์ ลดลง 1.3% และหุ้นสแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ด ขยับลง 0.9%